Flash ยังคงรุกตลาดสมาร์ทโฟนราคาประหยัดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนำแม่ทัพตัวใหม่ลงสู่สนามกับ Flash Plus 2 ที่มีค่าตัวราวครึ่งหมื่นเท่านั้น แต่จัดสเปคมาเต็มสะใจทั้งหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด FHD, ชิปเซ็ต Octa Core, Ram 2-3GB, กล้อง 13 ล้าน ไหนจะยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมและ 4G LTE อีก เท่านั้นไม่พอล่ะ ยังให้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาด้วย โอ้ว มือถือราคาครึ่งหมื่นเดี๋ยวนี้ได้ขนาดนี้เลยหรอ ซึ่งจะน่าหวดมาใช้มั้ยลองมาดูกันดีกว่า
Flash Plus 2 Specifications
– หน้าจอ IPS ความละเอียด Full HD ขนาด 5.5 นิ้ว
– Chipset Mediatek MT6755 Helio P10 (Quad-core 1.8 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.0 GHz Cortex-A53)
– GPU Mali-T860MP2
– รุ่นหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB/Ram 2GB, รุ่นหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB/ Ram 3GB
– รองรับ Micro SD Card สูงสุด 128GB
– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง 2.0 พร้อมไฟแฟลช 2 ดวง 2 สี (Dual Tone) เซ็นเซอร์กล้องขนาด 1/3 นิ้ว, 1.12 µm pixel size และโฟกัสด้วยระบบ PDAF
– กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED
– Fingerprint Scanner (เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ)
– ชิปเสียง AKM4375 (Hi-Fi)
– ลำโพง NXP980 สามารถขยายเสียงไปในตัวทำให้ลำโพงดังได้ถึง 3.6W
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม (ช่องใส่คนละช่องกับ Micro SD Card)
– รองรับการใช้งาน 4G LTE
– Fast Charging
– แบตเตอรี่ขนาด 3,000mAh
– สีเงินลูน่าและสีทองวีนัส
– ราคา 4,990 บาท สำหรับรุ่น 16/2GB และ 5,990 บาท สำหรับรุ่น 32/3GB
1.แกะกล่อง
กล่องของ Flash Plus 2 เป็นสีดำล้วนพร้อมด้วยตัวอักษรสีทองบ่งบอกชื่อรุ่นแค่นั้น อ๊ะ มีรูปหัวใจแถมให้ด้วยเหมือนเป็นของขวัญบอกรักได้เลยนะเนี่ย ซึ่งแน่นอนว่าเปิดกล่องมาต้องเจอตัวเครื่องนอนรออยู่ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องมีเพียง Adapter (จ่ายไฟ 5.0V = 2A, 9.0V=1.67A) และสายซิงค์แบบ Micro USB เท่านั้น ไม่มีหูฟังให้นะครับ (แต่ตัวที่ได้มานี้ไม่รู้เหมือนตัววางขายจริงหรือเปล่าเพราะเค้าส่งให้ทดสอบกันก่อนวางจำหน่ายเสียอีก)
มาดูหน้าตาตัวเครื่องกันบ้างเริ่มจากด้านหน้า ยังคงมีการใช้ปุ่มโฮมและปุ่มสัมผัสบนตัวเครื่องอยู่ตามสไตล์เดิม โดยเหนือหน้าจอจะมีลำโพงสำหรับสนทนา กล้องหน้า ไฟแจ้งเตือน LED
ส่วนล่างหน้าจอมีปุ่ม Home ซึ่งเจ้าปุ่ม Home ของ Flash Plus 2 เนี่ยมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ด้วยนะ อื้อหือ ราคาแค่นี้จัดมาให้เต็มไปไหน และจากที่ทดสอบมาก็ทำได้ดีด้วย สแกนนิ้วเร็วและแม่นยำใช้ได้เลยล่ะ ส่วนด้านข้างปุ่ม Home ขนาบด้วยปุ่ม Back ด้านซ้ายและปุ่ม Recent Apps ทางขวา
ด้านข้างตัวเครื่อง ออกตัวก่อนว่าได้สีทองวีนัสมารีวิว ฉะนั้นขอพูดถึงเรื่องสีก่อนจะเห็นว่าขอบตัวเครื่องจะไม่ใช่สีดำแต่เป็นสีเดียวกับด้านหลังซึ่งมองจริงๆ ผมว่าด้านบนกับล่างมันเป็นสีทองนะ ส่วนด้านข้างเครื่องเป็นสีโรสโกลด์ยังไงยังงั้น
ส่วนการจัดวางปุ่มด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5มม. กับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใดๆ เพราะมาอยู่ทางขวาหมด โดยปุ่ม Power อยู่ด้านบน ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียง และสุดท้ายด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์ แบบ Micro USB ทางด้านซ้ายมือ และไมโครโฟนสำหรับสนทนาทางขวา
ด้านหลังตัวเครื่อง จากที่ผมมองดูก็จะเป็นสีสองสีนี่ล่ะ คือตรงขอบบนและขอบล่างเป็นสีทองและตรงกลางเป็นสีโรสโกลด์นั่นเอง ส่วนด้านหลังมีอะไรบ้างก็ต้องมีกล้องหลังพร้อมไฟแฟลช LED แบบ Two Tone อยู่ด้านบนฝาหลัง ส่วนด้านล่างฝาหลังที่เป็นขีดยาวๆ คือลำโพง ซึ่งอันนี้ทดสอบแล้วเสียงดังและมิติเสียงมาดีจริงๆ จะขาดก็แค่เสียงเบสแหละ (ถ้าได้มาครบก็เกินไปแล้ว ฮ่าๆ)
เมื่อแกะฝาหลังออกมาจะพบกับแบตเตอรี่ขนาด 3,000mAh ซึ่งถอดออกไม่ได้นะจ๊ะ ถอดมาไม่รู้ใส่กลับยังไงด้วยล่ะ ฮ่าๆ และช่องใส่ซิม 1 (Micro Sim) ซิม 2 (Nano Sim) และช่องใส่ Micro SD Card
2.User Interface & Feature
User Interface ของ Flash Plus 2 จะถูกครอบมาด้วย Launcher และไอคอนที่ทาง Alcatel พัฒนาขึ้นมา แต่การใช้งานไม่ได้ต่างจากแอนดรอยด์ทั่วไปนัก กล่าวคือมีการแบ่งแยกหน้า Home และหน้า App Drawer ออกจากกัน โดยในหน้า Home สามารถสร้าง Folder ได้ ใส่ Widget ได้ตามปกติ และในส่วนของ App Drawer นั้นจะเรียงแอพไปตามตัวอักษร หรือจะค้นหาแอพก็พิมพ์เอาได้ที่แถบด้านบน
Status Bar เหมือนกับแอนดรอยด์ดั้งเดิมครับคือถ้าลากลงมาหนึ่งทีจะเห็นแต่การแจ้งเตือน แต่หากลากลงมาอีกครั้งจะเจอกับทางลัดในการเปิดปิดสัญญาณต่างๆ อาทิเช่น Wi-Fi, Bluetooth ฯลฯ
Gesture
Double Tab: Gesture ในเครื่องไม่มีอะไรยุ่งยากมาให้ใช้ แต่ให้เฉพาะของดีมาคือ Double Tab ซึ่งใช้การเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหรือปิดหน้าจอก็ได้ (ปกติหลายๆ แบรนด์จะทำได้แค่เปิดหน้าจอเท่านั้น)
Turbo Download
Turbo Download: ฟีเจอร์นี้มีไว้สำหรับคนใจร้อนอยากโหลดอะไรเร็วๆ เมื่อต่อผ่าน Wi-Fi แล้วยังโหลดเร็วไม่สะใจและหากไฟล์มีขนาดเกิน 20MB ก็ไปเปิด Turbo Download ใช้กันได้ โดยมันจะใช้ทั้ง Wi-Fi และ Data ในการดาวน์โหลดข้อมูล ฉะนั้นถ้าเน็ตหมดเร็วก็ไม่ต้องแปลกใจกันสำหรับคนใช้ฟีเจอร์นี้
Benchmark
ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องผ่านแอพฯต่างๆ ได้ผลดังนี้
– Antutu: 42107
– Quadrant:
– Geekbench: Single Core = 754, Multi-COre = 2995
– Multitouch: สูงสุด 5 จุด
3.กล้องถ่ายรูป
Flash Plus 2 มาพร้อมกล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช 2 ดวง (Dual Tone) มีขนาดพิกเซลของภาพที่ 1.12ไมครอน ซึ่งถือว่าปกติ
หน้าตาการใช้งานกล้องเรียบง่ายไม่มีอะไรให้ปรับตั้งค่ายากหรือวุ่นวาย โหมดถ่ายรูปไม่เยอะแต่พอเพียง แค่ HDR, Night Mode, Panorama และ PIP (การถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าและหลังพร้อมกันโดยจะมีกรอบรูปเล็กๆ อยู่ในภาพ)
มี Filter สีให้เลือกมากมาย
มาดูในส่วนของการตั้งค่ากันบ้าง กล้องถ่ายรูปเนี่ยสามารถตั้งค่าได้ว่าจะถ่ายที่อัตราส่วนไหน โดยเดิมจะตั้งมาที่ 4:3 แต่ถ้าอยากได้เต็มจอ (16:9) ก็ไปปรับกันได้แต่ความละเอียดจะลดลงตามขนาดที่ถูก Crop เข้าไป
ส่วนเรื่องการถ่ายวิดีโอนั้นรองรับสูงสุดที่ความละเอียด Full HD หรือ 1,920×1,080p
กล้องหน้ามาแปลกแหวกแนว ฟีเจอร์ไม่ต้อง เอาแค่ Panorama กับ PIP (ถ่ายรูปพร้อมกันทั้งกล้องหน้ากล้องหลังไป แต่อันนี้สลับกันคือภาพจากกล้องหน้าใหญ่ และภาพจากกล้องหลังเป็นกรอบเล็กๆ) ส่วนโหมดหน้าสวยไม่ต้องหา เค้าจัดแต่โหมดหน้าสดให้ ฮ่าๆๆ
ต่อไปมาลองดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Alcatel Flash Plus 2 ดูครับ ภาพทุกภาพถ่ายด้วยโหมด Auto และ HDR (บางภาพซึ่งจะบอกใต้ภาพ) ไม่ได้ผ่านการตกแต่งใดๆ นอกจากย่อขนาดและใส่ลายน้ำเข้าไปเท่านั้น
เริ่มกันที่แสงกลางวันกับแดดจ้าๆ นี่ล่ะ ภาพมีต้นไม้พอให้ร่มเงา ทำให้ส่วนที่เป็นเงามืดไปเป็นธรรมดา เพราะภาพนี้ใช้โหมด Auto
ถัดมามุมเดียวกันลองเปิด HDR ดู ส่วนที่เป็นเงาเห็นรายละเอียดชัดมากขึ้น แต่กลับกันสีภาพก็เพี้ยนไปจากเดิมอยู่เช่นกัน
ภาพกลางแจ้งแบบตะวันจะลับฟ้าเรียบร้อย แสงแทบไม่มี ถ่ายออกมาก็ได้อย่างที่เห็น จริงๆ ก็ถือว่าสมจริงอยู่ แต่ส่วนที่มืดเนี่ยมืดไปเลยนะ
ถ้าอยากได้รายละเอียดก็จัด HDR ไปอีกภาพ คราวนี้รายละเอียดมาเต็ม ถือว่า HDR ครั้งนี้ทำได้ดี
ต่อกันด้วยภาพกลางคืนบนท้องถนนใต้รถไฟฟ้า อืม… ชัตเตอร์จะช้าลงพอตัว อันนี้ต้องมือนิ่งๆ หน่อยไม่งั้นภาพจะเละ
ลองเปิด HDR ดูก็พอช่วยเก็บแสงสีมาได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ลองดูแสงในร้านกาแฟกันบ้าง
ภาพนี้ลองย้อนแสงดู แตะเอาคนชัด ส่วนอื่นก็จ้าไปตามระเบียบ
ต่อกันด้วยภาพในร่มของ Surf Zone หลังคาพาทุกอย่างมืดมนไปหมดจริงๆ ฮ่าๆๆ
ภาพแบบนี้แก้ด้วยถ่ายรูปโหมด HDR จบปิ๊ง ได้ภาพสวยใสตามต้องการครับ
ลองถ่ายแก้วกาแฟในห้างสรรพสินค้าดูบ้าง โหมด Auto นี่แหละ
อันนี้ลองใช้ PIP ถ่ายรูปทั้งกล้องหน้าหลัง ก็จะเห็นหน้าเราอยู่ในกรอบเล็กๆ แบบนี้แหละหรือจะสลับเอาหน้าใหญ่ หลังเล็กก็ได้นะ
ลองกล้องหน้ากันบ้าง มุมมองกว้างใช้ได้ แต่โหมดหน้าสวยไม่มีจัดหน้าสดกันไป โทรมสุดฤทธฺิ์ ฮ่าๆ เรื่องรายละเอียดพอได้อยู่นะ
4.การเล่นเกมส์
ผมทดสอบเล่นเกมส์ด้วย Dream League Soccer 16 เป็นเกมส์กีฬาฟุตบอลภาพสวยงามพอตัว ซึ่งจากสเปคตัวเครื่องนี่เอาจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะกระตุกแล้วล่ะ และก็เป็นไปตามคาดครับเล่นได้ลื่นเนียนดีมาก
สรุป: Flash Plus 2 เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่จัดอยู่ในกลุ่มราคาประหยัดแต่ความสามารถและสเปคตัวเครื่องนั้นเกินคำว่าประหยัดไปพอตัว ซึ่งจากที่ทดสอบใช้งานมาราวๆ 2 อาทิตย์ก็ไม่พบปัญหาอะไรเท่าไหร่นักครับ รอมค่อนข้างเสถียรพอตัวเลยล่ะ (แต่ในการใช้งานของผมจะทำการ Restart เครื่องวันละหนึ่งครั้งนะครับ) ซึ่งสำหรับการใช้งานทั่วไปไม่เน้นอะไรมากคงไม่ต้องกังวล สำหรับคอเกมส์ที่อาจหนักใจในรุ่น 16GB หน่อยก็ข้ามไป 32GB แทนละกันครับ
ข้อดี
– สเปคแรงเกินราคา
– รองรับ 2 ซิม และ Micro SD Card พร้อมกัน
– มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่แม่นยำติดมา ไม่ใช่ของกะโหลกกะลา
– ฟีเจอร์ลูกเล่นไม่เยอะมาก แต่พอดีแล้วล่ะ
ข้อเสีย
– กล้องโฟกัสช้าเวลาแสงน้อยหรือกลางคืน ต้องมือนิ่งๆ หน่อย
– โหมดการถ่ายรูปน้อย โดยเฉพาะกล้องหน้าไม่เจอโหมดหน้าสวยอาจขัดใจใครหลายคน
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Flash Thailand ที่ให้ยืมเครื่องมาทดสอบและรีวิวครับ
=>>แสดงความคิดเห็นกันที่เว็บบอร์ดเดิมได้โดยคลิกที่นี่<<=
ถูกใจบทความนี้ 2
You must be logged in to post a comment.