รับชมรีวิวรุ่นใหญ่ไฟกระพริบของตัว Plantronics BackBeat Pro 2 กันไปแล้ว https://goo.gl/hkv9yz วันนี้มาชมกันต่อ กับหูฟังมหาชนในแนว Neckband หรือหูฟังแบบคล้องคอจาก Plantronics ในซีรีย์ BackBeat 100 กันต่อครับ โดยหูฟังรุ่นนี้มีจุดเด่นในเรื่องของการส่วมใส ที่มาพร้อมความยืดหยุ่นและเบาสบาย ใส่นาน ๆ ก็ไม่เมื่อยล้าแต่อย่างใด และที่สำคัญ คุณภาพเสียงของ BackBeat 105 ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยครับ หากใครได้ลองสัมผัสแล้ว เชื่อว่าจะตกหลุมรักกับคุณภาพเสียงของ BackBeat 105 กันอย่างแน่นอน
คีย์ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Plantronics BackBeat 105
⦁ ควบคุมการฟังเพลงและการโทรออกด้วยปุ่มเพียงปุ่มเดียว
⦁ สนทนาหรือฟังเพลงได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 8 ชม. และเปิดเครื่องรอรับสายได้นานถึง 10 วัน
⦁ เชื่อมต่อสลับการใช้งานได้ 2 อุปกรณ์
⦁ แจ้งเตือนด้วยระบบสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า
⦁ เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนและลดเสียงสะท้อน ช่วยให้คุณสนทนาได้อย่างชัดเจน
⦁ หูเจลมีให้เลือก 3 ขนาด S M และ L ปรับขนาดการสวมใส่ให้กระชับเข้ากับสรีระหูคุณมากที่สุด
⦁ น้ำหนักเบาเพียง 29.3 กรัม
⦁ วางจำหน่ายในราคา 2,990 บาท
ปล. คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
Packaging & Accessories
กล่องแพคเกจของ Plantronics BackBeat 105 มาในโทนสีน้ำเงินสดใส มีขนาดพอประมาณคือไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปนัก ด้านหน้าโชว์รูปตัวหูฟังพร้อมชื่อโมเดล ส่วนด้านหลังจะมีการพิมม์สเปคเบื้องต้นมาให้อ่านกันนิดหน่อยครับ
แง้มกล่องออกมาจะพบกับตัวหูฟังที่จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ที่ด้านบน ส่วนอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จะอยู่ภายในด้านล่างของตัวกล่อง
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องจะประกอบไปด้วย
1. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
2. สาย Micro USB สำหรับชาร์จไฟ แบบ Dual ที่มีพอร์ต USB 2.0 มาให้ด้วยอีก 1 พอร์ต และเป็นจุดที่มีความแตกต่างกับตัว BackBeat 100 สรุปในไทยจัดรุ่น 105 เข้ามาจำหน่ายก็คือรุ่นที่มาพร้อมกับสายชาร์จแบบ Dual Port นั่นเอง
3. จุกยางสำรองอีก 2 ขนาด ไซส์ S,L สำหรับ ไซส์ M หรือขนาดกลางจะบันเดิลมาพร้อมกับตัวหูฟังครับ
Design & Hardware
ดีไซน์ของ Plantronics BackBeat 105 จะเป็นสไตล์ที่เรียกว่า Neckband หรือหูฟังแบบคล้องคอ โดยจุดเด่นของ BackBeat 105 ก็คือ “flexible and comfortable” ที่วัสดุตรงตัวก้านหูฟัง จะมีความยืดเหยุ่นสูง น้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย
ตัวก้านหูฟังวัสดุจะเป็นยาง ทำให้สวมใส่สบาย และไม่รู้สึกอึดอัดแม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ส่วนด้านปลายของตัวก้าน วัสดุจะเป็นโพลีคาร์บอเนตหรือพลาสติกนั่นเอง สรุปง่าย ๆ ว่าตัววัสดุจะเป็นแบบไฮบริดที่ผสานระหว่างยางกับโพลีคาร์บอเนตครับ
ดีไซน์ด้านหลังของตัวก้านหูฟัง จะมีการออกแบบลักษณะที่เป็นยาง 2 ชั้นประกบกัน เพื่อให้ตัวก้านมีความยืดหยุ่นแต่ยังคงรูปไว้ได้นั่นเองครับ
ทดสอบให้ดูว่าก้านหูฟังของ BackBeat 105 นั้นมีความยืดหยุ่นที่สูงมาก ๆ
ทางฝั่งขวา ตามที่เกริ่นไว้คือตัววัสดุจะเป็นพลาสติกครับ โดยออกแบบด้านล่างด้วยลาย Texture แนวขวาง ทำให้จับได้ถนัดกระชับไม่ลื่นมือ และมีการพิมม์ชื่อแบรนด์ไว้ที่ด้านบนอีกด้วย
เมื่อพลิกกลับมาดูด้านใน จะประกอบไปด้วยปุ่มคอนโทรลต่าง ๆ และเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนสำหรับการสนทนา
ซึ่งจุดขายอีกหนึ่งอย่างของ BackBeat 105 ก็คือฟีเจอร์ One-touch controls โดยปุ่มตรงกลางจะเป็นปุ่ม Multifunction ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยปุ่มเดียว อาทิเช่น เป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง รับสาย-ปฏิเสธสาย เล่นเพลง/หยุดการเล่น เป็นต้น
สำหรับปุ่ม เพิ่มลดระดับเสียง เมื่อใช้ในโหมดการฟังเพลง ถ้าทำการกดปุ่มเพิ่มระดับเสียงค้างไว้ จะเป็นการเล่นแทรคถัดไป ส่วนปุ่มลดระดับเสียง เมื่อกดค้างจะเล่นย้อนแทรคล่าสุด นอกจากนี้ยังมีระบบสั่นแจ้งเตือนอยู่ที่ปลายก้านหูฟังที่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายจะไม่มีมอเตอร์สั่นแจ้งเตือนนะครับ
ทางฝั่งซ้ายออกแบบมาเหมือนกับด้านขวาครับ เพียงแต่จะไม่มีปุ่มคอนโทรลเท่านั้น สำหรับไฟ LED Notification จะที่อยู่ที่ด้านบน
ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต Micro USB สำหรับการชาร์จไฟ
ตัวเฮ้าส์ซิ่งของหูฟังเป็นพลาสติก โดยด้านท้ายจะมีแม่เหล็กเพื่อใช้เก็บตัวหูฟัง ทำให้ไม่เกะกะในเวลาที่เราไม่ได้ใช้งาน เช่นเวลาใส่คล้องคอ เมื่อเดินหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ตัวสายก็จะไม่แกว่งไปมาให้น่ารำคาญนั่นเองครับ
เมื่อลองสวมใส่จริงก็ประมาณนี้ครับ
ขอขอบคุณนายแบบ แอดมิน นู๋อาร์ต @nuart ของเว็บ PDAMobiz.com ด้วยนะครับ
Feature & Connection
หูฟัง Plantronics BackBeat 105 มาพร้อม Bluetooth® 4.1 รองรับ A2DP v1.2 , ACRCP v1.4
Bluetooth Profiles: HSP 1.2 HFP 1.6 Wideband HD Voice
สนทนาหรือฟังเพลงได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 8 ชม. และเปิดเครื่องรอรับสายได้นานถึง 10 วัน ระยะเวลาในการชาร์จ 90 นาที ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตรโดยประมาณ
เชื่อมต่อสลับการใช้งานได้ 2 อุปกรณ์ แจ้งเตือนด้วยระบบสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า
เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนและลดเสียงสะท้อน ช่วยให้สนทนาได้อย่างชัดเจน
น้ำหนักเบาเพียง 29.3 กรัม
Sound Quality
บอกตามตรง เมื่อแรกจับลองสัมผัส ไม่คาดคิดว่า Plantronics BackBeat 105 จะให้คุณภาพเสียงที่ต้องบอกว่า Immersive sound quality ได้อย่างเต็มอิ่มขนาดนี้ ถ้าให้บอกว่าแนวเสียงของ BackBeat 105 จะออกแนวมหาชน ที่ฟังสนุก ฟังได้ทุกแนว ก็คงไม่เกินเลยไปจริง ๆ ครับ
ย่านเสียงสูง ให้ความพริ้วไหว ใสสะอาด และไม่บาดหู ส่วนเสียงกลาง ถ้าโฟกัสไปในเรื่องความคมชัดของเสียงร้องและชิ้นดนตรีก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีพอสมควร แต่ตำแหน่งความแม่นยำของชิ้นดนตรียังไม่ค่อยบาลานซ์เท่าที่ควร
สำหรับเสียงเบส บอกเลยว่าทำได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ ก็อย่างที่บอกว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียง Color ในโทนสดใส แนวเพลงทั่ว ๆ ไป ถ้าฟังแบบไม่จับผิดมากนัก BackBeat 105 เอาอยู่ทุกแนว ถ้าจะให้สรุปคือ เป็นหูฟังเสียงดี ฟังสนุก แต่ไม่เด่นในย่านใด ย่านหนึ่งเป็นพิเศษ แต่หูฟังในลักษณะนี้สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังตลาด Mass ได้อย่างสบาย ๆ ครับ
ส่วนการใช้งานด้านโทรศัพท์ แม้จะมีไมค์เพียง 1 ตัว ที่ใช้ในการการตัดเสียงรบกวนและลดเสียงสะท้อน แต่เท่าที่ได้ลองใช้งานจริงก็ขอบอกเลยว่า ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนบน Plantronics BackBeat Pro 2 นั้นทำงานได้ค่อนข้างดีครับ ในขณะสนทนาให้เสียงที่คมชัดและลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง
จากนี้ขอจับ Plantronics BackBeat 105 มา Compare เปรียบเทียบกับ Jarbra Halo Smart ที่ผมใช้อยู่ซะหน่อย
อ่านรีวิว Jarbra Halo Smart ได้ที่นี่ครับ >>> https://goo.gl/jwZfaz
มีระบบ magnetic ในการจัดเก็บตัวหูฟังเหมือนกันทั้งคู่ แต่ทาง Jarbra Halo Smart จะมีฟีเจอร์ที่มากกว่า เช่นเมื่อประกบตัวหูฟังเข้าหากัน จะทำการวางสายหรือหยุดเล่นเพลงให้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งสามารถจัดเก็บตัวหูฟังเข้ากับตัวก้านหูฟังได้อีกทางหนึ่งด้วย
ก้านหูฟัง Plantronics BackBeat 105 เป็นยางที่ให้ความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ใส่สบายไม่อึดอัด สามารถใช้งานกิจกรรมทางด้านออกกำลังกายได้สบาย ๆ ส่วน Jarbra Halo Smart จะเป็นพลาสติกที่ทั้งใหญ่และหนา แถมน้ำหนักก็เยอะพอควร ใส่นาน ๆ แล้วอึดอัด ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องมีการ activity สักเท่าไหร่ สรุปเรื่องการสวมใส่ ทางฝั่งของ BackBeat 105 นั้นกินขาดไปหลายขุมเลยครับ
ปุ่มกดเป็นแบบ Multifunction เหมือนกัน ตัว Plantronics BackBeat 105 กดง่าย ใช้งานคล่อง ส่วน Jarbra Halo Smart จะออกแนวแข็ง ๆ ให้ฟิลลิ่งในการกดไม่สมูทเท่า BackBeat 105 ครับ
ตัวสาย Jarbra Halo Smart มาพร้อมสายแบนขนาดใหญ่ ดูแข็งแรงบึกบึนกว่าสายกลมเส้นเล็กของ BackBeat 105 สรุปเรื่องสาย ทางฝั่ง Halo Smart ดูแข็งแรงกว่าครับ
ส่วนแนวเสียงของทั้งคู่ ในภาพรวม BackBeat 105 จะมีภาษีดีกว่านิด ๆ คือตามที่บอกว่าเป็นหูฟังที่ฟังได้ทุกแนว จึงให้ความกลมกล่อมที่ดีกว่า เมื่อมองในภาพรวม ๆ สิ่งที่ BackBeat 105 โดดเด่นและเหนือกว่า Jarbra Halo Smart อย่างแท้จริงก็คือการสวมใส่ครับ ด้วยวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง มีน้ำหนักเบา สามารถกันน้ำได้ระดับหนึ่ง ผู้ใช้จึงสามารถใช้งานหูฟัง BackBeat 105 ได้หลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นด้านเอนเตอร์เทน หรือจะใส่ออกกำลังกายก็ยังไหวครับ
สรุป Plantronics BackBeat 105
ความโดดเด่นของ Plantronics BackBeat 105 ผมขอสรุปคร่าว ๆ ดังนี้
เป็นหูฟังที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายกิจกรรม จะเน้นฟังเพลงหรือใช้สนทนาก็ทำได้ดี หรือจะใส่ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างวิ่งหรือปั่นจักรยานก็ยังไหว ด้วยดีไซส์งานออกแบบและวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง แถมมีน้ำหนักเบา จึงทำให้การสวมใส่นั้นไม่อึดอัด แม้จะใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็ตาม
ทางฝั่งซุ่มเสียง ก็ตามที่บอกเล่าไปในบทความครับ ว่าเป็นหูฟัง overall ฟังสนุก ฟังมันส์ แม้จะไม่เด่นด้านใดด้านหนึ่งในแบบสุดโต่ง แต่ภาพรวม ๆ บอกเลยว่าให้แนวเสียงที่กลมกล่อมพร้อมตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังได้ทุก ๆ แนวเลยครับ
สำหรับรีวิวหูฟัง Plantronics BackBeat 105 ก็ขอลากันไปแต่เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านและรับชมกันมาโดยตลอดนะครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
You must be logged in to post a comment.