Gionee A1 Lite สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่จะลุยตลาดไทย มีจุดเด่นตัวเครื่องคือมีหน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว แต่แบตเตอรี่ 4,000mAh ซึ่งคอนเฟิร์มว่าอึดแน่นอนด้วยชิปเซ็ตที่ใช้คือ Mediatek MT6753 ซึ่งไม่ได้แรงมากฉะนั้นเรื่องชิปเซ็ตกินไฟนี่หมดห่วงได้ ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซลและกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล ดีไซน์ตัวเครื่อง Unibody สีดำด้านไม่เป็นรอยนิ้วมือง่ายนัก แต่ด้วยราคาที่จะมาลุยบ้านเรานี่คงเหนื่อยกันหน่อยล่ะ
Gionee A1 Lite Specs:
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด HD
- Mediatek MT6753 Octa-Core 1.3GHz Cortex-A53
- Ram 3GB
- หน่วยความจำเครื่อง 32GB
- รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256GB
- 2 ซิม
- 4G LTE
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช LED
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช LED
- Wi-Fi 802.11 b/g/n, hotspot
- Bluetooth 4.2
- Fingerprint Scanner
- แบตเตอรี่ 4,000mAh
- Android 7.0 Nougat
- ราคา 7,990 บาท
แกะกล่อง
กล่องของ Gionee A1 Lite เครื่องที่ได้มารีวิวเป็นตัวเครื่องสีดำ กล่องสีขาวซึ่งขนาดกล่องนั้นใหญ่ แต่ไม่ลึก ด้านหน้ากล่องบอกจุดเด่นเรื่องแบตอึดกล้องหน้าความละเอียดสูง
ด้านหลังกล่องบอกสเปคของตัวเครื่อง ซึ่งบอกหมดตามสเปคด้านบนเลยแหละ
แน่นอนว่าเปิดกล่องมาต้องเจอตัวเครื่องนอนรออยู่ในหีบห่อ
ยกถาดวางตัวเครื่องจะเจออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเข็มจิ้มถาดซิม, หูฟัง, Adapter และสายชาร์จซิงค์แบบ Micro USB
แต่ถ้ายกคู่มือขึ้นจะเจอเคสใสและฟิล์มแถมมาให้ในกล่องด้วยนะ ถือว่าดีไม่ต้องไปหาเคสฟิล์มเอง
Adapter สีขาวจ่ายไฟ 5V 2A ตามปกติ ไม่มีระบบ Fast Charge
หูฟังเป็นแบบ in-ears
ตัวเครื่องหน้าตาดูใหญ่แต่จริงๆ หน้าจอแค่ 5.3 นิ้วเองนะ หน้าจอ IPS LCD สีสันธรรมชาติสบายตาดี
เหนือหน้าจอมีกล้องถ่ายรูปความละเอียด 20 ล้านพิกเซลทางขวาและไฟแฟลช LED ทางซ้าย
ใต้หน้าจอเป็นปุ่มสัมผัสบนตัวเครื่องไล่จากซ้ายไปขวาคือ Recent Apps, Home, Back
ด้านหลังตัวเครื่องนี่มองแล้วนึกถึงสมาร์ทโฟนไต้หวันแบรนด์นึงเลยล่ะ แต่อย่างที่บอกว่ามันเป็นสีดำด้าน ฉะนั้นเรื่องรอยนิ้วมือจะมีน้อยกว่าสีเงาๆ เยอะ
การจัดวางกล้องหลังถูกไว้ตรงกลางด้านบนขนาบด้วยไฟแฟลชทางขวา
ลำโพงตัวเครื่องอยู่ด้านล่าง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบถาดซิมออกมา
ถาดซิมนั้นเป็นแบบสามช่องใส่มันได้ทั้ง 2 ซิมและ Micro SD Card
ด้านขวาเครื่องมีปุ่มเพิ่มลดเสียงละปุ่ม Power
ด้านล่างมีช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์ Micro USB, ไมโครโฟนสนทนาและช่องเสียบหูฟังทางขวา
User Interface
ตัวเครื่องใช้งาน Android 7.0 Nougat ก็จริงแต่ไม่ใช่ Pure Android ถูกครอบด้วย UI Amigo 4.0 ซึ่งหน้าตาของ Launcher จะไม่มีการแบ่งแยกหน้า Home กับ App Drawer
ส่วน Notification Bar ดึงลงมาจะมีเฉพาะการแจ้งเตือน ในส่วนของทางลัดการเปิดปิดสัญญาณต่างๆ จะต้องปาดด้านล่างหน้าจอขึ้นมา
ทั้งนี้ตัวเครื่องมีฟีเจอร์ Super Screenshot ให้เพื่อควมสะดวกในการใช้งานจับภาพหน้าจอด้วย โดยสามารถจับได้ทั้งแบบ Long Screenshot และแบบสั่ง Crop Screenshot ตามใจชอบทันทีก็ทำได้เช่นกัน
หน้าตาแอปพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูปของตัวเครื่องดูละม้ายคล้ายสมาร์ทโฟนที่ใช้ Mediatek ทั่วไปอยู่เหมือนกัน แต่รุ่นนี้มีโหมดถ่ายรูปเพียบ และรองรับ HDR Auto ด้วยล่ะ
ในโหมดถ่ายรูป Pro หรือปรับตั้งค่าเองนั้นปรับค่าได้ทั้งหมด 4 ค่าได้แก่
– Focus
– Shutter Speed ได้สูงสุด 12 วินาที
– White Balance
– ISO ได้ตั้งแต่ 100-1600
– E/V -3 ถึง +3
ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของรุ่นนี้กันบ้าง ภาพทั้งหมดใช้โหมด Auto และไม่ได้มีการปรับแต่งใดๆ ส่วนภาพจากกล้องหน้าก็แทบไม่ได้เปิด Beauty เลยเพราะนางแบบบอกว่ามันหลอกๆ ไปหน่อย
เริ่มจากแสงแดดยามเช้าที่ส่องมาจากสุดภาพ ทำเอาภาพมืดไปหมด แต่แลกกับการเก็บรายละเอียดของท้องฟ้าและตัวตึกสูงได้ดี
ภาพนี้เปิด HDR ถ่ายเช้าวันที่ฟ้าหม่นๆ
ฟ้าหลังฝนก็ถ่ายรุปออกมาพอได้อยู่ แต่มันดูสว่างๆ แปลกตาไปหน่อย
ลองสภาพแสงในอาคารกันบ้าง น้องหมีกับไฟสีเหลืองในร้านกาแฟ
ถ่ายสภาพแสงน้อยๆ กันบ้าง กับนางแบบจำเป็นใช้นางทุกงาน ฮ่าๆ ถามว่าได้ภาพมั้ยก็ได้แต่ Noise ก็เยอะเช่นกัน ซึ่งสภาพแสงในร้านที่ไปนั่งนี่บอกเลยว่าน้อยจริงๆ
ลองกล้องหน้ากันบ้าง ภาพนี้ไม่ได้เปิดบิวตี้เลย สีสันโอเคอยู่ ดูเป็นธรรมชาติ (แน่ล่ะไม่ได้เปิดไรเลย)
ส่วนภาพนี้เปิดบิวตี้เล็กน้อย ก็ถือว่ายังดูธรรมชาติอยู่ ทั้งนี้ถ้าเปิดเยอะๆ มันจะดูหลอกเหมือนเอาหน้าไปปาดซิลิโคนมาเลยล่ะ
สรุป: Gionee A1 Lite เป็นสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอไม่ใหญ่ แต่มีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่มากทำให้อึดพอสำหรับการใช้งานทั้งวันจากที่ลองใช้งานจริง ทั้งนี้สเปคตัวเครื่องนั้นต้องบอกว่าไม่แรงเท่าไหร่นัก เอามาเล่นเกมส์นี่พอได้ แต่ลองกับ Linage Revolution แล้วแอบกระตุกต้องปรับภาพเกือบลงมาเหลือแค่ปกติ ใส่แบบจัดเต็มไม่ไหว ส่วนกล้องถ่ายรูปถือว่าทำได้ดีพอใช้ ซึ่งจะมีข้อเสียหน่อยก็คือตอนแสงน้อยจะโฟกัสช้าลงเท่านั้น สำหรับราคา 7,990 บาท คงเจอศึกหนักจากแบรนด์จีนที่เข้ามาทำตลาดบ้านเราก่อนหน้านี้แน่นอน
You must be logged in to post a comment.