รีวิวแกะกล่อง iPhone X สวัสดีอนาคตอันสวยหรู

iPhone X  สมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ที่ให้หน้าจอเกือบเต็มด้านหน้าตัวเครื่องด้วยจอ Super Retina Display และยังความแรงระดับฉีกทิ้งทุกอุปกรณ์ในปัจจุบันด้วยขุมพลังแห่ง Apple A11 Bionic พร้อมกล้องหลังตัวใหม่ที่รองรับการใช้งาน Portrait mode ในที่แสงน้อยดีขึ้นพร้อมด้วยฟีเจอร์ Studio Light ที่ให้จำลองภาพได้เสมือนการถ่ายภาพในสตูดิโอ และได้ตัดการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือออกไปโดยทดแทนด้วย Face ID แทน ได้วางจำหน่ายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาซึ่งผู้ที่ได้จองเครื่องเอาไว้ต่างก็ได้ทยอยรับเครื่องกันสมใจไปถ้วนหน้า แน่นอนว่าแอดมินไม่พลาดที่จะหารีวิวแกะกล่องตัวเครื่องแห่งอนาคตมาให้เพื่อนๆ สมาชิกเว็บไซต์ได้รับชมกันเช่นเคย โดยยืมเครื่องน้องที่ออฟฟิศมาใช้รีวิวนี่แหละ ซึ่งในกล่องจะมีอะไรบ้างและเครื่องมันสวยหรูสมกับคำว่า “สวัสดีอนาคต” มั้ยต้องมาดูกันละล่ะ


ตัวเครื่องที่จะมาแกะกล่องวันนี้เป็นตัวเครื่องสีเทา (Space Gray) ซึ่งมาพร้อมกล่องสีขาวที่โชว์หน้าตาด้านหน้าตัวเครื่องเต็มๆ แบบนี้

ด้านบนกล่องยังคงเป็นโลโก้แอปเปิ้ลแหว่งตามเคย ไม่ว่าจะอุปกรณ์อะไรก็ตาม (มั้ง)

ด้านข้างไม่มีการเปลี่ยนแปลงเติม X ยังเขียนแค่ iPhone

เปิดกล่องกันดู อ้าวเฮ้ย ไม่มีเครื่อง เจอแต่คู่มือวางบังเอาไว้และบอกว่าออกแบบจากที่ไหน

ยกกล่องคู่มือขึ้นถึงจะเจอกับอนาคตในกล่อง O_O เออ อันนี้แปลกดีนะ ปกติเปิดมาต้องเจอเลย หรืออาจเป็นการปกป้องหน้าจออีกชั้นนึง ?

แต่เราจะยังไม่สนใจตัวเครื่องหรอกนะ ไปดูอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนซึ่งแน่นอนว่ายังมีให้ครบทั้ง Adapter, สาย USB, หูฟัง, ตัวแปลงพอร์ท Lightning เป็นช่องหูฟัง 3.5 มม.

สาย USB ยังคงเป็นแบบ Lightning และสีขาวเช่นเคย และถ้าผมซื้อใช้เองก็จะเก็บมันไว้ในกล่องนี่ล่ะ ไปหาสายเส้นอื่นมาใช้ดีกว่า ฮ่าๆ เดี๋ยวความขาวมะลายหายหมด

ส่วนใครที่เดิมไม่ได้ใช้หุฟังแถมและใช้แบบเสียบช่อง 3.5 ก็ไม่ต้องกังวลยังคงมีตัวแปลงให้เสียบใช้งานได้ตามปกตินะ เพียงแต่เราต้องพกเจ้านี่ไปไหนมาไหนด้วยแค่นั้นเอง ซึ่งถ้าไม่ดึงออกจากหูฟังเราก็คงไม่หายหรอก

ต่อไปมาดูตัวเครื่อง iPhone X สวัสดีอนาคตกันบ้าง ด้านหน้านี่เป็นหน้าจอแบบ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้ว ที่เรียกว่า(เกือบ) เต็มจอแล้วจริงๆ ยังเหลือติ่งอยู่นิดหน่อย โดยตรงติ่งนั้นเป็นเป็นพวกเซ็นเซอร์และกล้องหน้า(True Depth & Face ID) รวมถึงลำโพงสนทนานั่นล่ะ

เนื่องจากเป็นเครื่องยืมเค้ามาจะลอกพลาสติกเค้าออกก็เกรงใจ ฉะนั้นดูกันแบบนี้ไปแทนละกัน ด้านบนตัวเครื่องเนี่ยจะมีช่องให้เสียบถาดใส่ซิมออกมา

ด้านซ้ายยังคงมีปุ่ม Mute และปุ่มเพิ่มลดเสียงเหมือน iPhone รุ่นอื่นๆ

แน่นอนว่าด้านขวาเป็นปุ่ม Power

ด้านล่างมีลำโพงและไมโครโฟนสำหรับสนทนา อ้อไม่ใช่ลำโพงสองตัวด้านล่างนะอย่าเข้าใจผิดกันไป แล้วก็ปุ่ม Home อัจฉริยะได้หายไปแล้ว รุ่นนี้เวลาใช้จะต้องเรียนรู้กันใหม่นิดหน่อย

ด้านหลังเป็นกระจกเงา เป็นรอยนิ้วมือง่ายดี แต่แลกกับความสวยหรูซึ่งมันสวยมากจริงๆ

ตรงกล้องหลังคู่นูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นเวลาวางก็อย่าเลื่อนเครื่องเล่นละกันไม่งั้นกล้องอาจเป็นรอยได้ ทางที่ดีใครที่ซื้อมาใช้งานผมว่าหาเคสใสมาใส่เพื่อปกป้องและโชว์ตัวเครื่องกันดีกว่า

แหม ด้วยหน้าจอแบบเต็มจอมากขนาด 5.8 นิ้วเนี่ยทำให้การจับถือด้วยมือเดียวง่ายขึ้นเยอะเลยล่ะ

ลองเทียบขนาดกับ iPhone 7 Plus ดู จะเห็นว่าแม้ห้นาจอจะใหญ่กว่าเก่าแต่ด้วยดีไซน์แบบใหม่ทำให้ขนาดตัวเครื่องเล็กกว่ารุ่นเดิมที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วไปเยอะเลยล่ะ

สำหรับรีวิวแกะกล่องก็คงหมดลงเท่านี้ครับ จริงๆ อยากจะทดสอบความแรงของ Apple A11 เหมือนกันแต่พอดีดันไม่ใช่เจ้าของเครื่องนี่สิ เท่าที่ลองใช้งานได้ไม่นานมันก็พอดีมือดีเหลือเกินนะ ฮ่าๆๆ ทว่าหลายๆ แอปพลิเคชั่นอาจจะยังไม่รองรับเท่าไหร่ เห็นน้องเค้าลอง Linage 2 Revolution นี่ขอบดำมารอบทิศทางเลย คงต้องรอการอัพเดทกันอีกสักหน่อยล่ะ สำหรับใครที่ตัดสินใจจะซื้อก็ลองไปหาดูตามตัวแทนจำหน่ายทั้งหลายครับไม่รู้ป่านนี้ยังมีเครื่องที่ไหนบ้าง



ถูกใจบทความนี้  221