รีวิว Nokia 8 พรีเมี่ยมราคาเบา โบเต้ได้ทั้งหน้าหลัง

ใครเป็นแฟน Nokia มั่งยกมือขึ้น ผมว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเป็นแฟนเก่า และกลับมาเป็นแฟนกันใหม่อีกครั้ง สำหรับผมเองแล้วสัมผัสเจ้า Nokia 6 ก็รู้สึกถึงความเป็น Nokia ที่มีสไตล์ดีไซน์ของตนเอง และรุ่นนี้ Nokia 8 ที่ได้จับ และประทับใจในดีไซน์ วัสดุการออกแบบ และการใช้งานโดยงานนี้ HMD Global ดึงเอาแบรนด์ Nokia กลับมาเริ่มต้นได้ดี แต่ยังไม่สุด งานนี้ Nokia 8 พยายามจะขึ้นมาเทียบคู่แข่ง ซึ่งก็นับถือในความพยายามและกลับมาพร้อมกับภาพของ Nokia ได้อีกระดับนึงเลยทีเดียว

บอกเลยว่าผมไม่ไช่แฟนพันธุ์แท้ Nokia เพราะสมัยก่อนไม่มีเงินพอที่จะซื้อตัวแจ่มๆ ได้ 3310 หรือ 3315 มานี่ก็ถือว่าสุดแล้ว แต่จริงๆ ออกมาอีกมากมายหลายรุ่น แต่จะได้สัมผัสจริงๆ ก็มาในช่วง Smartphone ที่กลายเป็น Windows Phone OS อยู่ด้านในแล้ว แน่นอนเลยว่า Nokia บนระบบ Android เพิ่งกลับมาได้ยังไม่ครบปีดี ดังนั้นความคาดหวังก็อาจจะมีสูง แต่ในความเป็นจริงยังต้องมีการพัฒนาอีกหลายๆ ด้านเลยทีเดียว และ Nokia 8 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ Nokia กลับมาพิสูจน์ฝีมือ ที่เคยทำเอาไว้เมื่อครั้งอดีต โดยมาพร้อมฟีเจอร์ Bothie ถ่ายภาพได้ทั้งด้านหน้าด้านหลังพร้อมๆ กันและยัง Live ผ่าน facebook หรือ youtube ได้อีกด้วย

Nokia ยังมาพร้อมกับกล่องและคอนเซ็ปท์ของมือจับกัน นั่นแสดงให้เห็นว่ายังเน้นผู้ใช้งาน และหลอมรวมเอาคอนเซ็ปท์ Connecting People กลับมาใหม่นั่นเอง

กล่องด้านหลังมีสเปคและรายละเอียดแจ่มๆ ของตัว Nokia 8 บอกเอาไว้ครบ

สเปคหลักก็ตามนี้เลยมีทั้งกล้องด้านหน้าด้านหลัง 13 ล้านพิกเซล แถมเป็นกล้องคู่ด้านหลังอีกต่างหาก

อุปกรณ์ในกล่องยังมาครบถ้วน ยังมีแถมหูฟังนะ และเข็มจิ้มถาดซิมก็มาในสไตล์ Nokia เดิมๆ ด้วย

มาดูหน้าค่าตากันหน่อย ตัวหน้าจอขนาด 5.3 นิ้วถือว่ามาตรฐาน แต่ในยุคนี้อาจจะเล็กไปหน่อย เนื่องจากเครื่องที่มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วเป็นขนาดที่พอดีกับการใช้งานโดยทั่วไปทั้งหมด และขนาดก็กระชับมือมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม Nokia 8 ยังถือว่าเป็นเครื่องที่มีดีไซน์ และวัสดุที่ดี มีความเป็นตัวเองของ Nokia สูง มีเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่ง HMD Global ถือว่าทำได้ดีในปีนี้ แต่ก็ยังสู้คู่แข่งที่มาแรงทั้งหลายยังไม่ได้อยู่ดี

ส่วนของการใช้งานของ Nokia เดิมที่เป็นผู้นำมาตั้งแต่ยุค Windows Phone ก็คือเรื่อง Glance Display ซึ่งตรงส่วนนี้ในยุคหลัง Android นำมาใช้งานได้เช่นเดียวกัน และ Nokia ก็ยังมีให้ใช้งานกันเช่นเดิม ส่วนของสเปคก็จัดเต็มเหมือนเรือธงในปีนี้คือ Snapdragon 835 โดยความเร็วในการใช้งานถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ Nokia มีดีกว่าคนอื่นก็คือ patch security ที่พิสูจน์แล้วว่ามีอัปเดทตลอดทุกเดือน และยังมีเรื่องของ Android เวอร์ชั่นใหม่ที่พยายามอัปเดทให้ใหม่สุดอีกด้วย แต่เรื่องเวอร์ชั่นของ Android ก็คงต้องตามคิวล่ะ งานนี้ต้องไปสู้กับแบรนด์ใหญ่ๆ กันหน่อย แต่เชื่อว่าได้รับอัปเดทเร็วกว่าแบรนด์ทั่วๆ ไปแน่นอน

ตัวกระจกที่ใช้คือ Gorilla Glass 5 ซึ่งบอกเลยว่ากันรอยได้ดีจริงๆ เทคโนโลยีป้องกันรอยขีดข่วนบนหน้าจอดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามรอยขนแมวก็ยังคงเกิดขึ้นได้อยู่ดี ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องติดกันรอยนั่นล่ะ

ปุ่มกดไม่ได้เป็น softkey อยู่บนหน้าจอ ทำให้การแสดงผลเต็มที่ 2K จัดเต็ม และมีเรื่องของ fingerprint สแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานได้เร็วจริงๆ

ตัวเครื่องด้านข้างมีลัษณะเป็นขอบลาดไปทางด้านหลัง ก็บางในระดับที่จับกระชับมือ และด้านข้างขวามือเป็นถาดใส่ซิม

ซึ่งถาดใส่ซิมจะเป็นแบบ Hybrid สามารถใส่ 2 ซิมได้ รองรับทุกค่าย และอีกซิมนึงก็สามารถสลับไปใส่ microSD เพิ่มได้ด้วย อันนี้น่าจะเป็นมาตรฐานไปแล้วในยุคนี้

อีกด้านนึงคือปุ่มปิดเปิดเครื่อง และเร่งลดเสียง โดยปุ่มนี้บางเท่ากับขอบตัวเครื่องเลย ตำแหน่งปกติของ Android ทั่วๆ ไปครับ เสียดายที่ Nokia ยังไม่สามารถนำปุ่ม Shutter กลับมาได้เหมือนเมืื่อครั้งแรกๆ บน Windows Phone ตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่ Sony เท่านั้นที่มีปุ่ม Shutter ซึ่งต้องบอกว่าถึงแม้ว่าจะใช้ปุ่ม Shutter เป็นปุ่มลดเสียงได้แต่ก็ไม่ถนัดเท่าปุ่มแยกออกมา

ด้านหลังสวยงาม ขอบโค้ง และมีสีให้เลือกทั้งสีคอปเปอร์หรือสีทองแดง สีฟ้าเข้มแบบนี้ สีเทา และสีดำ

สิ่งที่ Nokia ให้มา ณ ตอนนี้ก็คือกล้องคู่ ที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ แต่ทว่าไม่ได้มาแค่กล้องคู่ธรรมดา มาพร้อมกับ ZIESS ที่มีชื่อเรื่องของเลนส์และเซ็นเซอร์การถ่ายภาพระดับต้นๆ และยังมี Bothie ที่สามารถใช้งานถ่ายภาพหรือ Live ได้ในแบบด้านหน้าและด้านหลังพร้อมๆ กัน เรียกว่าเป็นสิ่งนึงที่ Nokia พยายามทำออกมาให้แตกต่างและเป็นจุดขายที่ไม่มีในแบรนด์ไหนๆ ณ ตอนนี้

เครื่องที่ได้รับมารีวิวมีเป็นรอยถลอกนิดหน่อย เหมือนโดนของแข็งและแหลมจิ้มไปในเนื้อ จนกรอบและสีกระเทาะออกมา ซึ่งจริงๆ ตรงนี้ก็พิสูจน์ได้ระดับนึงเลยว่า Nokia 8 ใช้วัสดุขึ้นรูปที่แข็งแรงจริงๆ ทำให้มั่นใจ Nokia นี่ขึ้นชื่อว่าของแข็งอยู่แล้ว รุ่นเก่าๆ ปาลงพื้นยังใช้งาสบายๆ แต่มารุ่นใหม่ในยุคนี้คือสวยงามขึ้น ปาลงพื้นคงหมดสวย

ดูรวมๆ แล้วมีสเน่ห์เหลือเกิน สิ่งนึงที่ Nokia ใส่ติดตัว Nokia 8 มาด้วยก็คือ OZO Audio ซึ่งสามารถบันทึกเสียงแบบรอบทิศทางได้เหมือนในระดับพวกกล้องวีดีโอมืออาชีพเลย อันนี้ก็คืออีกหนึ่งจุดที่นำมารวมกับกล้องคู่ และฟีเจอร์ Bothie ให้แจ่มยิ่งขึ้น

ตัวเครื่องด้านบนยังมีแค่ช่องเสียงหูฟังเท่านั้น ยังมีอยู่ไม่ตัดไปไหน

ส่วนด้านล่างมีไมค์และ ลำโพงที่ให้พลังเสียงที่ดีในระดับนึงเลยทีเดียว พร้อมพอร์ท USB-C อินเทรนด์เช่นเดียวกัน

มาดูเรื่องกล้องกันบ้าง ตัวกล้องมีเมนูให้เลือกไม่น้อย แต่เรื่อง UI อันนี้ก็ละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจตรงกันว่า อนาคต Nokia จะมีการปรับ UI อย่างแน่นอน

มีโหมดให้เลือกการถ่ายภาพแบบ Bothie ได้ หรือจะใช้งานแบบกล้องหลังอย่างเดียว หรือกล้องหน้าอย่างเดียว สลับกันได้ตามปกติ

รวมถึงฟีเจอร์กล้องคู่ที่สามารถเลือกได้เช่นกัน และยังมีโหมดถ่ายภาพขาวดำให้อีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ Leica แต่ก็เก็บรายละเอียดได้ในระดับ ZIESS ล่ะนะ

ส่วนเมนูอื่นๆ จะคล้ายกับกล้องทั่วไป มี HDR มีการเปิด ปิดแฟลช ได้ตามปกติ ตั้งเวลาได้

 

มาดูเรื่อง UI และเรื่อง Software ในเครื่องกันหน่อย

UI ของ Nokia ก็จะมาในสไตล์คล้ายกับ Pure Android ที่แทบจะไม่มีอะไรติดตัวเพิ่มเลยนอกจาก base OS ซึ่งตอนนี้เป็นเวอร์ชั่น 7.1.1 หรือไม่ก็เป็น .2 แล้วล่ะ รออัปเดท 8.0 กันอีกไม่นานนี้ ส่วนแพทช์ตอนนี้น่าจะเข้าเดือน 11 เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ลองเช็คกันดูนะ

ตัวพื้นที่ที่ให้ใช้งานก็ถือว่าเยอะอยู่ ส่วนคะแนนที่ทำได้ก็ความแรงระดับ Snapdragon 835 อยู่แล้วไม่มีข้อกังขา รวมถึงสเปคมัลติทัชที่ครบ 10 นิ้วพร้อมกัน

การปรับแต่งต่างๆ มีให้ครบ การแสดงไฟของปุ่มนำทางที่อยู่ขอบด้านล่างด้านหน้า ก็สามารถปรับได้ รวมถึง glance ที่สามารถปรับได้ว่าจะโชว์อะไรบ้างในขณะที่อยู่ในโหมดปิดหน้าจอ หรือ galnce นั่นล่ะครับ

ส่วนเรื่องโมชั่นมีติดตัวมานิดหน่อย ไม่มากมาย แต่ก็เพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้ในระดับนึงเลยล่ะ รวมถึงการเรียกฟังก์ชั่นกล้องแบบด่วนก็เช่นกัน

เมนูกล้องกันอีกทีนึง โดยกล้องวีดีโอมีฟังก์ชั่นในการ Live สด และ Live แบบ Bothie ได้ด้วย

อันนี้คือการตั้งค่าตัวกล้อง ที่สามารถใส่ลายน้ำเป็นตัวอักษรได้ และบันทึกภาพได้ด้วยว่าใส่ลายน้ำพร้อมกับไม่ใส่ลายน้ำ อันนี้ก็ดีเผื่อนำภาพไปทำอย่างอื่นที่ไม่อยากได้ลายน้ำ แต่ก็เปลืองพื้นที่เก็บเพิ่มขึ้นล่ะนะ

ที่เหลือคงมาดูเรื่องของภาพถ่ายก็แล้วกันนะ  มีหลายเซ็ทลองดูกันครับ

มาดูเซ็ทแสงนีออนกันหน่อย ในห้างทั่วๆ ไป

ภาพเซ็ทของกิน

ภาพเซ็ทกลางแจ้ง

ภาพเซ็ทขาวดำ

ภาพจากกล้องหน้าและ Bothie

ภาพที่แใงน้อย เวลากลางคืน

และมาชมวีดีโอรีวิวกันครับ พร้อมทดสอบเล่นเกมส์

 

สรุปทิ้งท้ายสไตล์ Happyman

สำหรับผมเองก็ตื่นเต้นกับการกลับมาของ Nokia ซึ่งมีหลายเรื่องที่คาดหวังเอาไว้ แต่ก็ต้องบอกว่ายังไม่สุด ทำออกมาได้ดีในระดับนึงแล้วล่ะ แต่งานนี้ยังต้องปรับกันอีกหลายยกเลย เจ้า Nokia 8 มีฟีเจอร์ต่างๆ ค่อนข้างครบ แต่ตัวเครื่องก็ดูจะเล็กไปนิดนึง สำหรับการที่จะเป็นเรือธงในปีนี้ แอบอยากได้หน้าจอ 5.5 นิ้วมากกว่า ตัวเครื่องรู้สึกเล็กไปหน่อย จับกระชับมือดี วัสดุ และความแข็งแรงอันนี้เชื่อมือ Nokia ได้เลย สเปคก็อัดมาให้พอสมควร การใช้งานโดยรวมก็ลื่นดีเล่นเกมส์ดี ROV เด็ด แต่เรื่องกล้องน่าจะเป็นจุดใหญ่ ใจความของคนในยุคนี้ ซึ่งเอาจริงๆ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ สำหรับคำว่า ZIESS ที่คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ซึ่งคงต้องรอ Software และ UI ของตัวกล้องที่จะอัปเกรดขึ้นมาในเร็ววัน ด้วยความเป็น Pure Android ทำให้ลูกเล่นหรือสีสันที่มีในหลายแบรนด์หายไปล่ะครับ แต่ราคาที่ไม่ถึงสองหมื่น ก็ถือว่า Nokia 8 นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีการถ่ายภาพแบบ Bothie เก็บบรรยากาศได้ทั้งด้านหนัาและด้านหลัง แต่ข้อจำกัดก็คือต้องแบ่งครึ่งหน้าจอถ้าเก็บภาพแบบเต็มๆ จะดีมาก ใช้ Live ได้ด้วย แต่คงจะมีน้อยคนที่จะ Live แบบสองหน้าจอ Bothie แบบนี้ล่ะนะ เอาเป็นว่า แฟน Nokia ก็เชียร์ให้ใช้งานครับ เพราะปีนี้ดูท่า Nokia 8 คงเป็นเรือธงซะแล้วล่ะ ใครรอ Nokia 9 คงไปปีหน้าเลย



ถูกใจบทความนี้  28