รีวิว Smartwatch DT No.1 F3 กันน้ำ แบตอึดสุด ฟีเจอร์อัดแน่นเว่อร์เกินราคา

งานนี้ไม่มีอวย เพราะว่างานนี้เป็นตัว Smartwatch (หรือเปล่า) ที่แบบว่าแบตอึดสุดๆ ขึ้นชื่อว่า DT No.1 แล้ว ต้องเป็นอันดับ 1 จริงๆ งานนี้ DT No.1 F3 เป็นรุ่นที่ตามคอนเซ็ปท์ งามและอึดมาก ซึ่งทำไมน่ะหรอครับ ดูจากภาพก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ต้องตามผมมาเลย ว่ามันอึดยังไง มีอะไรน่าสนใจบ้างกับ Smartwatch หน้าจอขาวดำ แบบนาฬิกาดิจิตอล?

เกริ่นๆ ไป นี่มันใช่ Smartwatch นี่นา ต้องบอกว่ามันใช่สิครับ แต่ว่าคอนเซ็ปท์ของเจ้า DT No.1 F3 นี่คือเค้าดีไซน์มาให้แบตอึดสุดๆ แบตอึดก็เกี่ยวกับหน้าจอการแสดงผล ซึ่งหน้าจอการแสดงผลใช้เป็นแบบนาฬิกาดิจิตอลทั่วๆ ไปก็ว่าได้ หน้าจอเป็น LED เป็นลักษณะขาวดำ มีสัญลักษณ์ต่างๆ ครบ ที่สำคัญใครจะรู้ว่า นาฬิกาแบบนี้เชื่อมต่อ bluetooth กับ Smartphone ได้ และจริงๆ มันก็คือ Smartwatch กลายๆ นี่เอง อาจจะไม่เต็มตัว กึ่งๆ Smartwatch และ Smartband เพราะซีรีส์ F ของ DT No.1 เป็นซีรีส์ของ Smartband นะครับ ก็น่าจะพอเข้าใจละ ซึ่งมีราคาค่าตัวที่แบบว่าตัดสินใจไม่ยาก ถ้าเทียบกับประโยชน์ล่ะก็ผมว่าไงก็คุ้มล่ะที่ ประมาณ 600 บาทเท่านั้นเอง เห็นราคาแล้วหากอยากจัดล่ะก็ ที่นี่นะ https://goo.gl/YVdZ4c  ว่าแล้วมาดูรายละเอียดของเจ้า DT No.1 F3 เพิ่มเติมกันครับ

มาดูฟีเจอร์กันหน่อย ฟีเจอร์เพียบ แทรกเรื่องการเดิน หรือการวิ่งได้แน่ๆ อยู่แล้ว อันนี้ชัวร์ แคลอรี่ การเผาผลาญพลังงาน การเตือนเมื่อไม่เคลื่อนไหว มีนาฬิกาจับเวลา ปลุก นอนหลับ แบตเตอรี่อึด เปลี่ยนถ่านได้ง่าย มีเรื่องของความสูง ความกดอากาศ รองรับการว่ายน้ำ เป็นรีโมทกล้องสำหรับ Smartphone ได้ จะเอาอะไรอีก?

ต้องบอกว่าตัวกล่องไม่มีอะไรนะครับ ในกล่องมีเจ้า DT No.1 F3 แค่เพียงอย่างเดียว ไม่มีสายชาร์จมาให้เพราะแบตอึด 1 ปี เปลี่ยนถ่าน CR3032 หาซื้อไม่ยาก


ส่วนหน้าตาก็ประมาณนี้ครับ ดีไซน์ก็คล้ายกับ Sportwatch ทั่วๆ ไปนี่ล่ะ มีปุ่มกด แตะหน้าจอไม่ได้ และแสดงผลเป็นลักษณะตัวเลขดิจิตอลตามปกติ เปลี่ยน watch face ไม่ได้เช่นกัน

ด้านหลังเป็นฝาโลหะแบบนี้ครับ อันนี้ยังไม่เคยลองลงน้ำ ซึ่งจริงๆ เค้าออกแบบมาให้กันน้ำได้ ใช้นาฬิกาจับเวลา ตอนที่เราว่ายน้ำนั่นล่ะ แต่ไม่ได้มีแอปที่รองรับการว่ายน้ำนะ

ตัวสายยืดหยุ่นดีมีตัวล็อคสายสองชั้น

ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าข้อมือใหญ่หรือเล็ก อันนี้รองรับทุกขนาดแน่นอน ก็ซอยช่องเสียบสายถี่ขนาดนี้


ความสวยของสายก็คือสีฟ้านี่ล่ะ ผมว่ามันตัดกับสีดำ และจริงๆ มีให้เลือกหลายสีด้วยนะ สายนาฬิกาก็เปลี่ยนแบบได้ตามปกติ

ส่วนปุ่มด้านข้างเอาไว้สำหรับคอนโทรลต่างๆ เช่น เปิดความสว่างหน้าจอ มีเลือกโหมดได้ กดเริ่มจับเวลา กด Reset ตามที่เห็นครับ แต่การเปิดหรือปิดเจ้า DT No.1 F3 ต้องกด Start+Mode พร้อมกันค้างเอาไว้นะครับใช้วิธีการกดสองปุ่ม ส่วนวิธีการเลือกโหมดต่างๆ ก็กดปุ่มโหมดครับ ว่าจะดูรายละเอียดเรื่องอะไร ซึ่งผมว่าเราไปดูบนแอปก็น่าจะดีกว่า

อันนี้เป็นรายละเอียดที่บอกบนหน้าจอว่ามีอะไรบ้าง จริงๆ ก็ครบแล้วนะ สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปในปัจจุบัน ที่จะไม่มีก็คือ Heart Rate นี่ล่ะ

ส่วนอันนี้คือขนาดของตัวเรือน และสายนะครับ

ลองใส่ดูครับ รู้สึกว่าใส่นานๆ แล้วไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่เคยลองใช้มา ทั้งๆ ที่่สายเค้าก็ดีนะ

ดีไซน์โดยรวมผมว่าโอเคนะ ในราคาระดับนี้ 650 บาทเท่านั้น

 

แน่นอนว่าต้องมีการเชื่อมต่อกับแอปครับ โดยหาดาวโหลดแอปได้ทั้ง Android และ iOS ชื่อ Fundo Bracelet

งานนี้ต้องสร้างแอคเค้าท์นะ เพื่อเก็บเอาไว้เป็นสถิติกันยาวๆ

การเชื่อมต่อครั้งแรกก็เลือกที่ bluetooth Connection แล้วจัดการกดค้นหา และจัดไปครับ จับคู่ไม่ยาก แป๊ปเดียวใช้งานได้ทันที

ส่วนของการตั้งค่าต่างๆ ก็ลองดูว่าอยากได้แบบไหนบ้างนะครับ ส่วนรายงานทั่วๆ ไประหว่างวัน ก็จะมีตามภาพด้านบนเลย มีการตั้งเป้าหมาย และมาลุ้นกันว่าเราทำถึงเป้าหมายหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือหลับ

โดยมีรายละเอียดสรุปเอาไว้ประมาณนี้ แต่ทว่าไม่มีเก็บเป็นรายละเอียดแยกระหว่างวันย้อนหลังนะครับ มีแต่ภาพรวม

สรุปการใช้งานเจ้า DT No.1 F3

สำหรับการใช้งานก็ทั่วๆ ไป น่าจะได้ครบถ้วน คือฟีเจอร์เยอะ ในขณะที่เหมือนเป็นนาฬิกาดิจิตอลยุคเดิม คือผมก็ไม่ค่อยชอบแบบดิจิตอลสักเท่าไหร่นัก แต่ก็แลกมาด้วยความอึดของแบตที่ใช้งานได้ยาวๆ ใส่นอนก็ได้ ใส่ได้ทั้งวัน ดีไซน์ผมว่าสวยในระดับที่เป็น Sportwatch นั่นล่ะครับ อีกหนึ่งจุดก็คือสายครับ สายเวลาใส่แล้วรู้สึกไม่สบายสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะยืดหนุ่นและนิ่มพอสมควร อ้อ ไม่มี Heart Rate อันนี้ก็น่าเสียดาย แต่อย่างว่าแบตอึดถ้าจะให้มี Heart Rate สงสัยจะไม่ไหว ตัวแอปเอง ก็ใช้ Fundo ตัวเดิม ซึ่งจริงๆ อยากให้ปรับปรุงเรื่องแอปเหมือนกัน เพราะไม่มีการแทรคย้อนหลัง แบบรายวัน คือมีเก็บเป็นกราฟให้แต่ก็ไม่ละเอียดมากนัก อันนี้น่าจะเป็นข้อด้อยของแอปนี้ พูดแต่จุดด้อย แหม่ เอาข้อดีไปอีกข้อก็แล้วกันครับ คือกันน้ำได้ IP68 ใส่ว่ายน้ำสบายๆ ผมว่าหลายๆ คนอาจจะอยากได้นาฬิกาจับเวลา ใส่ว่ายน้ำอึดๆ ราคาไม่แรงมาก ผมว่าเจ้า DT No.1 F3 นี่ตอบโจทย์เลยนะ 600 บาทเท่านั้นเอง สนใจก็จัดไปครับ https://goo.gl/YVdZ4c



ถูกใจบทความนี้  36