สำหรับ Fitbit ในบ้านเราก็ถือว่าทำตลาดมานาน ส่วนตัวก็ตามมาตั้งแต่รุ่น Fibit ที่มี GPS จำรุ่นไม่ได้ละ รุ่นนี้น่าจะล่าสุดแล้ว Fitbit Charge 4 รุ่นที่ 4 สำหรับ สายรัดข้อมือ หรือเรียกว่า Smartband ก็ได้ ที่มีความสามารถล้นเหลือ เกินคำว่า Smartband ไปไกลแล้วในปัจจุบัน ล่าสุดมี GPS เทียบเท่ากับรุ่นใหญ่ๆ ในตลาด รวมถึงยังมีฟังก์ชั่นการวัด spO2 หรือระดับออกซิเจนในขณะนอนอีกด้วย
ในขณะที่ Smartband ดูเหมือนจะอิ่มตัว แต่ก็ไม่เนื่องจากยังมีคนอีกจำนวนมากที่เริ่มหันมาใช้งาน เนื่องจากมีราคาถูกลงอย่างมาก มีมากมายหลายยี่ห้อ เพราะส่วนใหญ่แล้ว จะสามารถใช้งานแทนนาฬิกาบอกเวลาได้ และยังได้การแทรคแอคทิวิตี้และอื่นๆ อีก นับว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนกลุ่มใหญ่ แต่สำหรับ Fitbit Charge 4 แล้ว มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากซีรีส์นี้ เดิมๆ ที่ทำอะไรไม่ได้มากมาย จนมาปัจจุบันที่มีความสามารถเพิ่มขึ้น หลักๆ คือ GPS และ spO2 นั่นเอง และยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงโค้ชและคอร์สเทรนนิ่งต่างๆ ที่อยู่บน Fitbit Premium อีกด้วย
ฟีเจอร์ของ Fitbit Charge 4
•หน้าจอระบบสัมผัส ปรับระดับความสว่างตามสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ
•เซนเซอร์วัดชีพจรที่ข้อมือ จับอัตราการเต้นหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง
•ติดตามกิจกรรมประจำวัน ระยะทาง ก้าวเดิน แคลอรี่ และนาทีของกิจกรรม
•โหมดออกกำลังกาย กว่า 15 ชนิด เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ พร้อมรับคำแนะนำแบบ Real-Time
•แสดงปริมาณการเผาผาญแคลอรี่ตลอดทั้งวัน และเป้าหมายของการออกกำลังกาย
•ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ พร้อมข้อมูลเชิงลึก และระยะเวลาการนอน
•บันทึกเส้นทางการวิ่งและปั่นจักรยานโดยใช้การเชื่อมต่อ GPS จากสมาร์ตโฟน
•คอยเตือนผู้ใส่ให้ลุกขึ้นเคลื่อนไหวเมื่อนั่งหรืออยู่กับที่นานเกินไป
•กันน้ำระดับ 50 เมตร พร้อมโหมดว่ายน้ำ
•ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง
•รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, Wi-Fi, NFC, GPS
•Built in GPS
มาดูรูปร่างหน้าตากันหน่อย
หน้าจอ OLED แสดงผลในที่สว่างจ้าได้ดีนะ ไม่แพ้แสง หน้าจอยังเป็นสีดำ ไม่เน้นสีสัน ความคมชัดถือว่าดี ชัดเจน ตัวอักษรใหญ่อ่านง่าย หน้าจอกันรอยขีดข่วนได้ดีในระดับนึงเพราะใช้ Gorilla Glass 3 และใช้การควบคุมโดยทัชสกรีนตามปกติครับ อันนี้ก็ทัชลื่นอยู่นะ
ตัวเซ็นเซอร์ สามารถตรวจวัดหัวใจได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่เค้าเรียกว่า PurePulse 24/7 เรียกว่าแทรคได้อยู่แล้วล่ะ แต่แม่นยำขึ้น อัพเกรดจากเดิมๆ ให้ดีขึ้นไปอีก ด้านหลังยังคงเป็นคอนแทคสำหรับชาร์จซึ่งตัวชาร์จนั้น ยังคงเป็น dock ขยายและคีบได้เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
ด้านข้างเป็นปุ่มใส่คำสั่งซึ่งเป็นลักษณะสัมผัส ไม่ได้เป็น hardware ที่กดปุ่มตามปกติ
ตัวสายที่มีลายเท็กเจอร์ดูสวยงาม สายใส่สบาย ไม่แข็ง โค้งรับกับข้อมือเราได้พอดี รองรับขนาดข้อมูลตั้งแต่ใหญ่ยันเล็กสุดๆ ได้เลย
สามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายอีกด้วย เป็นตัวล็อคสายที่ด้านล่าง กดกริ๊กเดียวเปลี่ยนได้ละ
ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ก็มีอยู่ครบ บอกสภาพอากาศได้ มีโหมดจับเวลา ตั้งปลุก แจ้งเตือน มีปฎิธิน รีแลกซ์ หรือกำหนดลมหายใจคลายเครียด
นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับ Spotify หรือแอพเล่นเพลงอื่นๆ ควบคุมการเล่นเพลงผ่านหน้าจอ Fitbit Charge 4 ได้เลย
แต่เสียอย่างเดียว ยังไม่รองรับการแสดงตัวอักษรภาษาไทย อันนี้นับว่าเป็นจุดที่ต้องปรับปรุงจริงๆ สำหรับ Fitbit เรื่องการแจ้งเตือนในตลาดตอนนี้ถ้าไม่ใช่จีนแท้ๆ ก็เรียกได้ว่าแทบจะทุกค่ายแล้วที่รองรับตัวอักษรภาษาไทย
มาดูแอปกันหน่อย
จริงๆ แอปก็เหมือนเดิมล่ะครับ ถ้าใช้งานมาตลอด แต่ก็มีการปรับเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ตามรุ่นใหม่ที่ออกมา เช่นรีพอร์ทล่าสุด ตอนนอนสำหรับ Fitbit Charge 4 ที่รองรับการวัด spO2 ตอนนี้ก็มีแสดงผลเพิ่มขึ้น และยังมีเรื่องของ Fitbit Premium ที่ให้บริการข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น รวมถึงโปรแกรมการออกกำลังกายต่างๆ พร้อมโค้ช ที่อันนี้มีเสียค่าบริการรายเดือน แต่เค้าให้ทดลองฟรีก่อนได้นะ ถ้าพอใจก็ค่อยว่ากัน
วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้คอ่นเข้าแม่นนะผมว่า เท่าที่ลองใช้งานมาตลอด Fitibt ถือว่าทำได้ดี
การนอนที่วัด SpO2 ได้
รีพอร์ทต่างๆ ก็ยังอยู่ครบ ภาพรวมแล้ว การออกกำลังกายก็แล้วแต่กิจกรรมแต่ส่วนใหญ่เน้นเบสิคนะ ไม่ได้บอกรายละเอียดมากเหมือนพวกสายสปอร์ต แต่ด้านแอคทิวิตี้ก็ละเอียดตามแบบฉบับ Fitbit อยู่แล้ว
มาลองใช้งาน Fitbit Charge 4 ออกกำลังกาย
คือข้อดีของเจ้า Fitbit Charge 4 มี GPS ในตัวดังนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องพก Smartphone ติดตัวก็ได้ ถ้ากรณีไม่ได้ฟังเพลง หรือติดไปถ่ายรูป สามารถรองรับกีฬาได้ 15 แบบ แต่หลักๆ ผมทดสอบวิ่งกับปั่นล่ะนะ
ลองใส่วิ่งดูแล้ว ก็พบว่า GPS อาจจะไม่ได้จับได้ไวมากนัก ส่วนการแทรคพื้นที่เส้นทางการวิ่งผมว่าก็โอเคนะ
ลองใส่ปั่น ก็ถือว่าโอเค หลังกิจกรรม ก็มีสรุปเบิ้องต้นให้ดูบนหน้าปัทม์เลย ก่อนที่จะเข้าไปดูละเอียดกันบนแอปอีกทีนึง
ในแง่ของแบตเตอรี่ หากมีการใช้ออกกำลังกายบ่อยๆ และต้องจับ GPS จะทำให้แบตหมดเร็วเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ฮวบๆ นะ คืออาจจะจาก 7 วันเหลือ 5 วันอะไรแบบนี้ แน่ถ้าสแตนบาย แทรคพวกแอคทิวิตี้ระหว่งวัน จับหัวใจ จับการนอน พวกนี้ก็ยาวๆ ไปครับ ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ เหมือนกับพวก Smartwatch ที่มีฟีเจอร์ล้ำๆ แต่จะใช้งานกันจริงๆ มันต้องมีการจัดการพลังงานกันพอสมควรเลย
สรุปการใช้งาน Fitbit Charge 4
คือโดยรวมผมยังชอบ Fitibt ที่มีการแทรครายละเอียดต่างๆ ประจำวันได้ครบ และละเอียดดี ผมชอบการแทรคนอน ที่แทรคงีบได้นานมากแล้ว ในขณะที่อีกหลายๆ ค่ายเพิ่งทำได้ หรือยังมีอีกหลายค่ายที่ยังทำไม่ได้เลย อันนี้คือเป็นความละเอียดอย่างนึงของ Fitbit นะ อีกส่วนนึงก็คือสามารถวัดระดับออกซิเจนขณะนอนหลับได้ ซึ่งก็สามารถดูได้ว่าเราเสี่ยงต่อโรคอะไรด้วยไหม ขณะหลับกรน หายใจติดขัดก็จะส่งผลกับระดับออกซิเจนที่วัดได้นีล่ะ และยังมี PurePulse 2.0 ที่วัดอัตราการเต้นหัวใจได้ตลอด 24 ชั่วโมงและละเอียดยิ่งขึ้น มี Active Zone ที่คอยเตือนเราด้านการออกกำลังกายได้แบบไม่เป็นอันตราย ช่วยให้เรารู้ว่าแอคทิวิตี้ของตัวเองและสุขภาพโดยรวมได้
การนำไปใช้ออกกำลังกาย ผมว่าก็รองรับหมดนะ ยิ่งมี GPS ด้วยแล้วก็ยิ่งมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป เรียกว่ามีความสามารถพอๆ กับ Smartwatch ตัวนึงเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่ารูปลักษณะเป็น Smartband ความสามารถก็ใกล้เคียงกันแล้วล่ะ ออกกำลังกายก็ได้ครบนะ กันน้ำได้ด้วย เอาไปใส่ว่ายน้ำได้มี แทรคกีฬาว่ายน้ำด้วย เสียดายที่ช่วงนี้ไม่ได้นำไปทดสอบ เลยไม่รู้ว่าตรงแค่ไหน อีกอันก็คือรีพอร์ตที่ค่อนข้างละเอียดสำหรับแอคทิวิตี้ แต่เรื่องการออกกำลังกายก็มีพื้นฐานเพียงพอแล้วเช่นกัน ขาดก็แต่ การแสดงผลภาษาไทยบนหน้าปัทม์ ในการแจ้งเตือน
You must be logged in to post a comment.