รีวิว Huawei Watch Fit 2 สุขภาพดี ฟิตปั๋ง

 

ปีนี้ Huawei ออก Wearable ชุดใหม่มา หนึ่งในนั้นก็คือ Huawei Watch Fit 2 ภาคต่อของ Fit เดิม ซึ่งคราวนี้จะมาทำให้สุขภาพ ฟิตขึ้นแค่ไหน? โดยเปิดตัวมาในราคา 4,990 บาท ไม่แรงและก็ไม่เบาจนเกินไป จากฟีเจอร์ที่ติดตัวมาด้วย เพราะรุ่นนี้เน้นหน้าจอกว้าง มองสบาย รองรับการโทรไร้สายผ่านตัวเครื่องได้เลย โดยเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ และมี UI ที่ดูสวยงาม กว่าเดิม และมาพร้อมกับ Harmony OS ที่เป็นแกนหลักในการทำงานทั้งหมด แน่นอนว่าเรื่องสุขภาพ และการออกกำลังกายก็ครบถ้วน งานนี้ลองเอาไปใช้งานแล้ว มารีวิวเป็นข้อมูลในการตัดสินใจกันครับ

สำหรับ Huawei Watch Fit 2 สเปคและฟีเจอร์ ติดตามที่ Huawei Thailand ได้เลย

ด้านดีไซน์ Huawei Watch Fit 2

หากใครเคยใช้งานรุ่นแรกมาก่อน ก็จะพบว่า พื้นที่หน้าจอกว้างขึ้น อาจจะไม่มากนักแต่หากมาสัมผัสครั้งแรก ก็จะพบกับการแสดงผลที่รู้สึกเลยว่ากว้าง เต็มตา ด้วยหน้าาจอแบบ AMOLED แน่นอนว่าให้ความชัดเจนในขณะใช้งานกลางแดด ไม่ต้องเป็นห่วงทุกกิจกรรมการออกกำลังกายภายนอกอาคารเลย และหน้าจอเป็นระบบสัมผัส แม้ว่าจะเป็นระบบสัมผัสก็ยังมีปุ่มกดมาให้ใช้งาน เพื่อปิดหรือเปิดเครื่อง รวมถึงเข้าไปยังเมนูที่ต้องการ

ตัวสายออกแบบมาให้เหมาะกับข้อมือเล็กๆ อย่างผมได้ใส่สบายแน่นอนว่าข้อมือใหญ่ก็ได้เช่นกัน รูเจาะมานี่แบบจัดเต็มมาก และแน่นอนว่าถอดเปลี่ยนได้ง่าย มีปุ่มล็อคสายแน่นหนาและปลดง่าย ถ้าหากสนใจสายแบบอื่น ที่อาจจะเหมาะกับเด็กหรือผู้หญิงก็ซื้อเพิ่มเติมได้เปลี่ยนเองได้เลย ภายนอกดูสวยขนาดเหมาะกับทั้ง ชาย และหญิงนะครับ เด็กวัยรุ่นก็ได้เช่นกัน

ด้านการใช้งาน Huawei Watch Fit 2

แน่นอนว่า  Huawei Watch Fit 2 ยังจัดเต็มด้านสุขภาพ และกีฬา ระบบจัดการต่างๆ ยังคงดีเยี่ยม และแน่นอนว่ามีการปรับปรุง UI ทำให้เหมาะกับเทรนด์มินิมอลในยุคนี้ ภายใต้ระบบ Harmony OS ที่กลายเป็นศูนย์กลางการจัดการของอุปกรณ์ต่างๆ ไปเรียบร้อย ใครที่ชอบเปลี่ยนหน้าปัทม์ ก็มีให้เลือกเพียบ ดาวโหลดมาใช้งานกันไหม่ไหวเลยทีเดียว เปลี่ยนได้ทุกวันไม่มีเบื่อ และมีหน้าปัทม์แบบ AOD (Always On Display) อีกด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ชอบ

สิ่งนึงที่ยังคงทำได้ดีก็คือการเชื่อมต่อใช้งานกับโทรศัพท์ ในด้านของการสนทนา หรือการโทรผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ ซึ่งใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS ก็มีข้อจำกัดเวอร์ชั่นกันนิดนึง ใครที่ใช้งานรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ต้องห่วง แต่ถ้ารุ่นเก่าก็ต้องมี Android OS 6.0 ขึ้นไป หรือ iOS ก็เวอรืชั่น 9.0 ขึ้นไป ซึ่งจริงๆ ก็มีลิมิตในบางฟีเจอร์ เช่นผมใช้งานกับ iOS ก็จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ Remote shutter ได้ แต่ปกติก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้วล่ะครับ แต่สำหรับการสนทนานี่ลำโพงชัด ไมค์ชัด สื่อสารชัดเจน

ด้านการแทรคเรื่องสุขภาพ แน่นอนเลยว่าครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการแทรคหัวใจได้ตลอดวัน วัดการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ และฟีเจอร์เด่นอย่างวัดออกซิเจนในเลือดได้ (SpO2) ทั้งวันเช่นกัน อันนี้เชื่อว่าเป็นพื้นฐานในปัจจุบันที่ต้องการใช้งานกัน และ Huawei ก็มีการปรับปรุงและพัฒนาให้แม่นยำมากขึ้นในทุกๆ ปี

ส่วนของการออกกำลังกาย ยังมาพร้อมกับการออกกำลังกายพื้นฐานครบ มีโหมดฝึกซ้อมในการวิ่งให้ด้วย อันนี้เหมือนกับเอาฟีเจอร์ของ Smartwatch ตัวแพงๆ ลงมาใส่ให้ และเวลาวิ่งก็มีอนิเมชั่นติดมาด้วย คือต้องบอกว่าเป็นรุ่นราคากลางที่เอาฟีเจอร์ตัวเทพระดับท้อปมาติดให้ เรียกว่าใครที่ชอบวิ่งก็จะมีโหมดรองรับให้ครบถ้วน ไม่แค่นั้นครับ สิ่งที่ Huawei ยังทำได้ดี และค่ายอื่นส่วนใหญ่จะไม่มี และบน Huawei Watch Fit 2 ก็ทำได้ด้วย คือการวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะว่ายน้ำ ฟีเจอร์นี้ในบางค่ายก็ไม่มี แต่ Huawei จัดให้ และจัดให้ในรุ่นนี้ด้วย แน่นอนว่าหากสนุกไปกับการออกกำลังกายแบบอื่นๆ ก็จัดเต็มให้ มีกระโดดเชือกด้วยนะ อย่างผมเอง ช่วงนี้ไปแนวสเก็ตบอร์ด เซิร์ฟสเก็ต ก็แทรคได้ บางจังหวะไปพายเรือคายัค ก็จัดไป แทรคได้ วิ่ง ปั่น ว่าย นี่ปกติ ทำได้อยู่แล้ว ซึ่งว่ายน้ำก็แทรคเรื่องท่าทางได้ว่าเป็นท่าฟรีสไตล์ หรือกรรเชียงได้ด้วย แบบว่าครบมาก สิ่งนึงถ้าเป็นไปได้ในอนาคต ในกีฬาอื่นๆ ที่เป็นระยะทาง เช่น พายเรือ ล่องแพ อะไรแบบนี้ควรจะแทรคระยะทางและแผนที่เพิ่มเติมได้ ซึ่งกีฬาที่เค้ารอบรับได้ทั้งหมดคือ 97 โหมดเลยทีเดียว ยังไงเพิ่มโหมดบางแอคทิวิตี้ให้เลือกว่าเปิด GPS ได้จะดีมากเลย

หลังจากออกกำลังกายเสร็จอันนี้ ก็เรียกดูรายงานได้ทันที อย่างการวิ่ง ก็จะสามารถดูความฟิตหรือความเร็วของเรา รวมถึงเส้นทางที่เราวิ่งก็ได้อีกต่างหาก เพราะ Huawei Watch Fit 2 มี GPS ในตัวดังนั้น การวิ่ง หรือการปั่น จะมีเส้นทางให้ดูหลังจากจบการออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากดูเต็มตา ก็เปิดบน Smartphone ในรีพอร์ตตามปกติได้ ซึ่งก็จะมีการจำลองเส้นทางการวิ่งหรือปั่นไล่ให้ดูเป็นอนิเมชั่นอีกด้วย คล้ายๆ Relive

 

   ส่วนรายงานต่างๆ ก็ครบถ้วนครับ สวยงามตามท้องเรื่อง

 

ที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องแบตเตอรี่

จากสเปคคือ 10 วัน อันนี้ทั่วไป หากมีการเปิดใช้งานเยอะขึ้น เช่นการโทรผ่านบลูทูธ จากเอกสารก็ประมาณ 7 วัน โดยมีระบุด้วยว่าใช้กี่นาที ซึ่งผมเองจากที่ทดสอบจัดเต็ม เปิด noti เปิดการเชื่อมต่อต่างๆ รวมถึงการแทรคสุขภาพทุกอย่างเป็นแบบทั้งวัน พบว่า ไม่ถึง 7 วันครับ แต่ทว่าอยู่ได้ประมาณสัก 5 วัน แล้วแต่ว่าวันไหนมีการโทรคุยสายมากน้อยแค่ไหน และมีการออกกำลังกายในวันนั้นแค่ไหน ยิ่งไปวิ่งหรือปั่น ก็ยิ่งชัดเจน แต่ถ้าทั่วไป ผมว่าอาทิตย์นึงสบายๆ ครับ อันนี้ การชาร์จใช้เวลาไม่นานมาก ปกติก็ปล่อยทิ้งไว้สักชั่วโมงสองชั่วโมงก็เต็มแล้ว คือกลับบ้านทำแอคทิวิตี้เช่น อาบน้ำกินข้าว ทำธุระส่วนตัวก็จะชาร์จทิ้งไว้ และเป็นการชาร์จแบบแม่เหล็ก ดูดหนึบดีเหมือนเดิม

 

สรุปการใช้งาน Huawei Watch Fit 2

ก็เป็นรุ่นต่อจากปีที่แล้วที่อัปเกรดขึ้นมาด้านหน้าจอและการแทรคบางอย่าง ซึ่งถามว่าถ้ามีรุ่นก่อนหน้าแล้วหากต้องการความสดใหม่ หน้าจอใหญ่กว่า ก็จัดได้เลย หรือถ้าใครใช้รุ่นอื่นที่หน้าจอเล็กๆ อยู่และอายุอานามประมาณนึงและมีปัญหาเรื่องสายตาผมว่า Huawei Watch Fit 2 นี่ตอบโจทย์มากๆ รวมถึงการใช้งานร่วมกับ iOS ที่ผมใช้งานอยู่ก็ถือว่าดีเลยทีเดียว noti เด้งตลอด ไม่พลาดงานสำคัญ ส่วนสุขภาพ ก็เชื่อมือ Huawei ได้ในทุกรุ่นครับ ไม่ว่าจะการนอน การเตือนนั่งนาน ก้าวเดินต่างๆ อย่างยิ่งคืออัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด (SpO2) ก็ครบ แน่นอนว่าคุณผู้หญิงยังมีเรื่องการแทรครอบเดือน อันนี้ก็ลองรับนะครับ แต่พอดีผมไม่ได้ใช้ ฮ่าๆ ในราคาค่าตัวที่ 4,990 บาท ในช่วงจองแรกๆ มีแถมเครื่องวัดน้ำหนักอีกด้วยนะ คุ้มจริงๆ

 

หากใครสนใจก็สามารถเลือกซื้อได้ที่ Huawei เลยครับ ช่วงนี้จนถึง 15 มิย. หากใครเขียนรีวิวสามารถลุ้นรับ Huawei Simple Home Gift Pacage 2 มูลค่า 1290 บาทด้วยนะครับ ซื้อแล้วเขียนรีวิวได้ของเพิ่มอีกด้วย

ขอบคุณ Huawei Thailand ที่สนับสนุนอุปกรณ์ทดสอบ



ถูกใจบทความนี้  4