ตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งดีไวส์ที่ได้ไปทริปญี่ปุ่นกับทีม PDAMobiz ของเรา ก็คือ Alcatel OneTouch Flash 2 นั่นเอง โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ เขาก็ชูจุดขายในเรื่องกล้องด้วยนะ ทั้งระบบโฟกัส PDAF, f/2.0, dual-LED flash และมีปุ่มชัตเตอร์มาให้ใช้งานกันตามคอนเซ็ปต์เน้นเรื่องกล้อง มาดูกันว่าไป ท่องญี่ปุ่นในคราวนี้ เจ้า Flash 2 จะทำผลงานได้เป้นอย่างไรกันบ้าง
ขอขอบคุณ Alcatel Thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ
สเปคเบื้องต้นแบบย่อ ๆ ของ Alcatel OneTouch Flash 2
~ OS : เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop)
~ ชิปเซ็ต : CPU Mediatek MT6753 (Octa-core) ความเร็ว 1.3GHz
~ หน่วยประมวลผลกราฟฟิก : GPU Mali-T720 MP3
~ ROM 16GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
~ RAM 2GB
~ จอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720 x 1280 pixels (~294 ppi pixel density)
~ การเชื่อมต่อ 2G, 3G , 4G LTE: รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
~ กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช dual-LED flash ดวง ระบบโฟกัน PDAF (Phase Detection Auto Focus) รูรับแสง f/2.0
~ กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แฟลชกล้องหน้า ออโต้โฟกัส รูรับแสง f/2.2
~ แบตเตอรี่ ความจุ 3,000mAh
ราคาวางจำหน่าย 4,590 บาท
บทความที่เกี่ยวข้อง
1. Android Review: Unboxing แกะกล่อง Alcatel OneTouch Flash 2 (วีดีโอ) !!!
2. Android Review: แกะกล่อง & รีวิว Alcatel Flash 2 สมาร์ทโฟน สเปคแรง กล้องแจ่ม แบตทน ในราคาเด็ก ๆ !!!
บทความพาทัวร์จากรุ่นอื่น ๆ
พาเที่ยว ญี่ปุ่น – ฮอกไกโด ด้วย Wiko rainbow JAM
พาเที่ยว ญี่ปุ่น – ฮอกไกโด ด้วย Samsung Galaxy S6 Edge+
ถึงสนามบิน Chitose ที่ญี่ปุ่น ก็รับข้าวห่อสาหร่ายรองท้องเป็นลำดับแรก
และตามด้วยการเยี่ยมชม Doraemon Waku-Waku Sky Park พิพิธภัณฑ์โดราเอม่อนที่อยู่ชั้น 3 ของสนามบิน
ของฝากของที่ระลึกที่เกี่ยวกับพี่ม่อนก็เพียบครับ เลือกซื้อหาได้ตามอัธยาศัย
มื้อแรกของญี่ปุ่นก็ร้านนี้ครับ ถือโอกาสเซลฟี่ทดสอบกล้องหน้าไปในตัวเลย
เดินเข้ามาเจอดอกอะไรไม่รู้สวยดี และแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะหยิบ Flash 2 ขึ้นมาถ่ายเก็บไว้
มื้อแรกปิ้งย่างกันไป ช่วยแก้หนาวได้เป็นอย่างดีเลยครับ
บรรยากาศหลังร้าน มีคลองเล็ก ๆ น้ำใสสะอาดสวยมาก ๆ
รถที่ญีปุ่นเขามีความหลากหลายกว่าที่บ้านเรานะ
แวะเห็น… เอ้ย! ดูหมี กันที่สวนหมีซะหน่อย
มีร้านขายของฝากของที่ระลึกมีหลากหลายครับ ทั้งของกินยอดนิยมรวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากหมี
แสดงว่าลูกค้าคนไทยมาอุดหนุนกันเยอะ การันตีได้จากป้ายโฆษณาครับ
มาต่อที่ภูเขา ฮาโกดาเตะ
ขึ้นกระเช้ามาชมเมืองในมุมมองที่เห็นได้อย่างกว้างไกล
ยามพบค่ำ ในเมืองเปิดไฟแล้วเราก็จะได้บรรยากาสที่งดงามดั่งนี้
แล้วก็เซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกหนึ่งดอก
บรรยากาศหลังโรงแรมที่พักในคืนแรก
รวม ๆ ของโชว์และของที่ระลึกที่วางขายภายในโรงแรมครับ
รวม ๆ ของกินจากวันแรกที่เข้าพักในโรงแรมครับ
หอคอย Goryokaku จุดชมวิวป้อมดาวห้าแฉก ถือเป็นจุดขายอีกหนึ่งอย่างของฮอกไกโด ใครไม่มา ถือว่าไม่ถึง (มั้ง)
บอกเล่าประวัติศาสตร์ผ่านงานโมเดลจำลอง รูปนี้ถ่ายผ่านกระจกกั้น ก็ยังพอได้อารมณ์ของภาพกลับมาบ้าง
มาเที่ยวต่อที่ปราสาทฮาโกดาเตะ ชมสวนและสถาปัตยกรรมในสไตล์ญี่ปุ่น
มื้อกลางวัน เยอะนะ แต่ห่วงกินเลยถ่ายมาน้อย (ฮ่า)
มาเดินเที่ยวและช๊อปปิ้งกันต่อที่ท่าเรือฮาโกดาเตะ
ตู้ ปณ. และ ปลาหมึก ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
ท่าเรือและตลาดสดที่เน้นขายอาหารทะเล
หมู่บ้านนินจา อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของฮอกไกโด
บรยยกาศดีครับ ได้ชมสถาปัตยกรรมในสไตล์ญี่ปุ่น รวม ๆ แล้วให้อารมณ์ประมาณสวนสนุกด้วยนะ
ไม่รู้ซิ มื้อนี้ชอบหอยมากที่สุด
จุดแวะพักทางหลวง ห้องน้ำสะอาด ภูเขาและท้องฟ้าก็เป็นใจ เลยได้ภาพสวย ๆ กลับมาฝาก
แหล่งช๊อปปิ้ง ทานูกิโคจิ ลองดูที่ป้ายก็รู้เนอะ ที่นี่เขาแคร์คนในหลาย ๆ ชาติเลย
บรรยากาศในช่วงค่ำคืน
ร้านนี้จัดหน้าร้านด้วยปูขนาดใหญ่ ดูสวยและน่าตื่นตาตื่นใจดีครับ
วันสุดท้ายมาเที่ยวโรงงานช็อคโกแลต
ที่นี่นอกจากจะเป็นโรงงานแล้ว ยังทำเป็นคล้าย ๆ พิพิธภัณฑ์อีกด้วย
โดย เจ้าของในยุคแรก ได้สะสมของเก่า ของหายากมากมาย เรียกว่าประเทศที่เป็นต้นตำหรับยังต้องบินมาขอซื้อคืน เพราะของพวกนี้ในประเทศเขาหาไม่ได้อีกแล้ว แต่สรุปไม่ขายนะ
มุมที่มีการถ่ายรูปเยอะที่สุด เพราะสวยมาก ๆ
นอกจากของเก่า ยังมีพวกเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราญอีกอย่างที่เจ้าของโรงงานในยุคแรกสะสมไว้เยอะมาก บางอย่างมีไม่ถึง 10 ชิ้นในโลก
สองวันสุดท้าย อาหารที่โรงแรมจะเน้นเป็นสากลสักนิด แนว ๆ ญี่ปุ่นจะไม่ค่อยเห็นหรือมีความหลากหลายเท่ากัน 2 วันแรก
อยากบอกว่าค่าเงินเราอ่อนในช่วงนี้ เลยเที่ยวกระหน่ำช๊อปกระจายไม่ได้มากนะ ฮ่า ๆ
คงไม่ต้องสรุปอะไร เพราะผลงานมันฟ้องด้วยตัวของมันเอง แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร ก็คงต้องบอกตามเป็นจริงว่า คุณภาพจากกล้อง Flash 2 พอสอบผ่านครับ ด้วยราคาต่ำกว่าครึ่งหมื่น ได้แค่นี้ก็ถือว่ามาไกลมาก เรียกว่า ” เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ด้วยกล้องของสมาร์ทครึ่งหมื่นแต่ให้คุณภาพได้เข็มขัดสั้นมาก” 555
สุดท้ายนี้ผิดพลาดประการใดต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ถูกใจบทความนี้ 0