มาทักทายกันในวันพุธ กับเรื่องสุดทีนกันเหมือนเดิมครับ วันนี้ผมพาแบรนด์เกาหลีอีกแบรนด์นึงมา LG ซึ่งช่วงนี้ต้องบอกว่าความแรงแอบหดหายไปเหมือนกัน แต่ทว่า G Flex2 เป็นรุ่นต่อยอดความโค้งจะเห็นว่าสาวทั้งสองคนที่ถืออยู่โค้งแค่ไหนนะครับ ซึ่งความโค้งของหน้าจอและตัวเครื่องนี่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของ LG G Flex มาตั้งแต่ช่วงแรก และต้องบอกว่า LG เป็นผู้นำในตลาด แต่ทว่าก็ทุกครั้งที่มาครับ เทคโนโลยีมีแล้วก็จริง แต่บางครั้งการหยิบมาไม่ถูกที่และไม่ถูกเวลา ก็อาจจะเกิดอย่างที่เห็น เหมือนหลายครั้งที่ LG เป็นเบอร์หนึ่ง เป็นผู้นำ แต่ผลออกมาไม่ได้ดีดังคาด ยกเว้นเรื่องตัว LG G2 ที่ตีตลาดแตกกระจาย แต่ถึงอย่างไรก็ดี LG G Flex2 ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ และไม่เหมือนใครแน่นอน
ส่วนเรื่องสุดทีน ณ วันนี้ผมว่าก็คงไม่พ้นกระแสของ Apple Watch และ Macฺook รุ่นใหม่ที่มีดีไซน์สวยงามและมีสีทองที่เชื่อว่าโดนใจหลายๆ คน มีพอรฺ์ทใหม่ USB-C ที่เป็นแผนการเดิมของ Apple ในการขายอุปกรณ์เสริมนั่นล่ะครับ แต่พอดีผมมันคอเกมส์ และแน่นอนว่าถึงแม้ New MacฺBook จะลง windows และเล่นเกมส์ได้ แต่ก็ไม่สะใจวัยทีนอย่างผมอยู่ดี แต่ถ้าซื้อมาใช้งานและเรื่องระบบเองล่ะก็ MacBook กินขาด เรื่องดีไซน์ก็ต้องว่ากันอีกที เพราะเชื่อว่าฝั่งผู้ผลิต Windows Hybrid Tablet เตรียมออกมาชนเรื่องดีไซน์แน่นอน คราวนี้ก็อยู่ที่ชอบแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งก็ต้องวัดเอาความชอบส่วนตัวขึ้นมาคุยกันล่ะ แต่ที่น่าสนใจสุดๆ ก็คงเป็น Apple Watch เรื่องขอนาฬิกาบอกเวลา ในยุคปัจจุบันใส่เทคโนโลยีและนำมาขายใหม่เป็น Smartwatch แต่ละแบรนด์ก็ตั้งชื่อกันไป แน่นอนครับว่า Apple Watch มาตามคอนเซ็ปท์เดิมๆ คือราคาแพงกว่าบรรดา Smartwatch ที่มีวางขายกันอยู่ในปัจจุบัน จริงๆ เมื่อเทียบสเปคกับดีไซน์ผมว่า Apple ตั้งราคาแพงจนเว่อร์เกิน แต่ถ้าเทียบเรื่องการใช้งาน ความรู้สึก และแบรนด์ อันนี้ Apple ได้ไป เพราะยังไงสินค้าของ Apple อย่างที่รู้กันว่าแพง แต่เรื่องการใช้งานนี้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานอย่างเราๆ มากถึงมากที่สุด จึงไม่แปลกที่จะยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อการใช้งานที่จริงจัง แต่ปัญหาของเจ้า Apple Watch คือเรื่องแบตเตอรี่การใช้งานนี่ล่ะ เชื่อว่าหากมาใช้งานจริงๆก็ต้อง ชาร์จกันทุกวันซึ่ง ปกตินาฬิกาที่เราใส่อย่างน้อยที่เป็นใส่ถ่ายเม็ดกระดุมก็ใส่กันจนลืมเลยล่ะ การที่มาชาร์จทุกวัน ก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งผมเชื่อว่าถ้า Steve Jobs ยังอยู่ เค้าคงมีแรงผลักดันให้คนทั่วโลกหันมายอมรับตามคอนเซ็ปท์เค้าได้ แต่ ณ วันนี้ผมก็ไม่มั่นใจว่าพฤติกรรมผู้ใช้งานของเราจะเปลี่ยนไปตามข้อจำกัดของเทคโนโลยีได้หรือไม่? ไม่ใช่แค่เรื่องพลังงานแต่ยังมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราซื้อนาฬิกามาหนึ่งเรือน เราใช้กันลืม ถึงแม้ว่าบางเรือนจะมีราคาหลายแสน แต่เราก็ซื้อแค่ครั้งเดียว แต่สำหรับ Apple Watch หรือ Smartwatch อื่นๆล่ะ? ปีหน้าเดี๋ยวก็มีออกมาเรียกเงินในกระเป๋าอีก อย่าง Apple Watch ราคาแพงสุดหลักแสน เราจะจ่ายปีนี้แสนนึง แล้วปีหน้าออก Apple Watch 2 มา เราต้องจ่ายอีกแสนนึงเพื่อเปลี่ยนให้ทันเทคโนโลยี? เพราะจริงๆ แล้วเราแค่อัพเกรดเฟิร์มแวร์หรือซอฟท์แวร์ ก็จะใช้งานได้เท่ากับรุ่นใหม่แล้ว แต่อย่างว่า Apple ก็คงจะขายของกันก่อน กว่าจะอัพเกรดได้ก็คงหายอยากล่ะ ผมเดานะ และอีกประเด็นก็คือ Apple Watch รุ่นนี้เป็นการทดลองการทำตลาดของ Apple เชื่อว่ายังมีการพัฒนาการใช้งานต่อยอดอื่นๆ ที่ Apple ยังคงเก็บเอาไว้เพื่อเตรียมขายในรุ่นต่อไปแล้วล่ะ อ้อ อย่าลืมนะครับว่า Apple Watch ต้องใช้งานร่วมกับ Apple iPhone ตั้งแต่ iPhone 5 ขึ้นไป พร้อม iOS เวอร์ชั่น 8.2 ดังนั้นใครใช้งานรุ่นต่ำกว่านี้อด บรรดาแฟรทั้งหลาย จะเริ่มต้นสั่งซื้อหรือสั่งจองมาใช้งานได้เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่เมืองนอกนะครับ 9 ประเทศ Australia, Canada, China, France, Germany, Hong Kong, Japan, UK, US ส่วนพี่ไทยรอไปก่อนนะครับ แหมเรื่องราคาใช่มะ คนวันทีนอย่างเราผมเชื่อว่าเวอร์ชั่น ทอง 18K คงผ่าน หรือใครจะซื้อมาใช้ ราคาประมาณ 330,000 บาทแค่นั้นเอง แล้วอย่าลืมว่าปีหน้าเตรียมควักอีกประมาณนี้เพื่อซื้อเวอร์ชั่น 2 นะ กับเผื่อตังค์เปลี่ยน iPhone ด้วยเผื่อว่าใช้ iPhone 5 อยู่ หรือเวอร์ชั่น ปกติมีให้เลือกตั้งแต่ช่วงราคาประมาณ 18,000 บาทจนถึงประมาณ 36,000 บาท แต่สำหรับคนวัยทึนอย่างเรา ผมแนะนำเวอร์ชั่น Sport เริ่มต้นประมาณ 11,500 บาทจนถึง 13,000 บาทเลยครับ ราคาระดับนี้ยังพอเก็บตังค์ปีนึงเปลี่ยนได้ โอ๊ะๆ แต่ปีหน้าก็ต้องเปลี่ยน iPhone ด้วยนี่นา ฮ่าๆๆๆ ต้องเก็บตังค์เพิ่มล่ะคร้าบ งานนี้
You must be logged in to post a comment.