จริงๆ ผมก็อยู่สาย network มาก่อน ก็พอรู้ข้อมูลมาบ้างเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งวันนี้ขอเอาเจ้า D-link Gigabit router ที่มีสเปคไม่ธรรมดา น่าใช้งานมาบอกเล่าให้ฟังก็แล้วกันครับ จริงๆ router นี่มีมานมนานก็มีการพัฒนากันมาเรื่อย สมัย ADSL บูมๆ นี่เรียกว่าฟองสบู่แตกเลย จริงๆ ยุคนี้ก็คงไม่ต่างกัน มีอัพเดทกันมาทุกปี อัพเดทตลอด จนล่าสุด D-Link ก็ออกรุ่นใหม่ล่าสุด สามเสา รองรับ dual-band ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz เรียกว่าสำหรับ network ภายในบ้านที่เร็วและแรง รวมถึงรองรับเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างครบถ้วนด้วย D-Link รุ่น DIR 859 สนนราคาที่ 4590 บาท เท่านั้น
ปัจจุบัน router มีความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ต้องออกตัวว่าปกติก็ใช้ที่มากับบรรดาผู้ให้บริการต่างๆ ซึ่งรู้สึกถึงความเร็ว ความเสถียรที่ได้อย่างชัดเจนแต่ทว่าก็ยังมีบางอย่างที่ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะการรองรับการใช้งานเยอะๆ รวมถึงส่วนใหญ่ที่แถมมาให้ก็จะรองรับการใช้งาน Wi-Fi แค่ 2.4 GHz หรือ 802.11 a/b/g เท่านั้น แต่ยังไม่รองรับ 802.11 ac โดย DIR859 รุ่นนี้จะมาเติมเต็มการใช้งานที่อาจจะขาดหายไป และเสริมเน็ทเวิร์คภายในบ้านให้แข็งแรงขึ้น
โดยสามารถดูสเปคโดยรวมได้ที่นี่
ตัว D-Link เองมีหลายรุ่นให้เลือก สำหรับ DIR 859 รุ่นนี้อาจจะราคาแรงไปสักนิดสำหรับผู้ใช้มือใหม่สดๆ ซิงๆ แต่ถ้าต้องการความแรงล่ะก็ห้ามพลาด
ด้านหลังมีเปรียบเทียบ AC ต่างๆ ว่ามีความเร็วและจำนวนการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เท่าไหร่? ซึ่งบน AC1750 รองรับอุปกรณ์ได้มากถึง 25 ตัวขึ้น แถมยังเป็น dual-band ที่ทำความเร็วได้ 450Mbps และ 1300Mbps เลยทีเดียว เรียกว่าการทำสตรีมมิ่งมีเดียต่างๆ ในบ้านไร้กังวลอย่างแน่นอน
อุปกรณ์ภายในกล่องก็ตามมาตรฐานล่ะครับ มีสาย Lan มาให้ด้วย
adapter ขากลม ใช้งานในบ้านเราสบายๆ
หน้าตาของ D-Link DIR 859 ดูลุ๊คขรึมดี เป็นสีดำและมีสัญลักษณ์การเชื่อมต่อพอร์ทต่างๆ อยู่ครบถ้วน
ที่ด้านหลังจะมีพอร์ท LAN อยู่ 4 พอร์ท และ พอร์ทความเร็วสูง สีเหลืองที่เป็น Gigabit port มาให้อีก 1 พอร์ท รองรับระดับ GB ทำให้การส่ง data ภายในบ้านดีขึ้น
หน้าตาด้านหลังครับ เราจะเห็นว่ามีเสาให้ถึง 3 เสาด้วยกัน
มี WPS button อยู่ตรงนี้นะ เล็กๆ ตรงขวามือสุด เผื่อใครจะใช้รหัส WPS ในการจอยเน็ทเวิร์ค
ตรงท้ายหากดูดีๆ จะมีข้อความบอกด้วยว่าแต่ละพอร์ทเอาไว้ทำอะไร พอร์ทที่เท่าไหร่
เนื่องจากเป็น dual-band ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz จึงออกแบบมาให้มี 3 เสา เพื่อกระจายสัญญาณทั้งสองคลื่นความถี่
ด้านล่างเป็นลักษณะรูระบายความร้อน
หากสังเกตดีๆ จะเห็นแผ่นปริ้นวงจรด้วย อ้อ มีรูรีเซ็ทด้วยนะครับ อยู่ตรงด้านล่างนี่่ล่ะ
การใช้งานหากใครไม่รู้จะตั้งค่ายังไง ทาง D-Link ก็เตรียม password เอาไว้ให้อยู่แล้วนะ รวมถึง WPS PIN ด้วย แล้วแต่สะดวกใช้แบบไหน โดยดูจากรอบๆ ตัวแล้ว ก็เหมือนกับ router ทั่วๆ ไปนี่ล่ะ แต่ฟังก์ชั่นต่างกัน เพียบนะ
การตั้งค่า
หากซื้อเครื่องมาใหม่ๆ แล้ว เปิดใช้งาน จำเป็นต้องมีการตั้งค่า เพราะว่าหากเป็น default บางทีเพื่อนบ้านใจดีอาจจะเข้ามาเปลี่ยน password หรืออื่นๆ ให้เสร็จเลยนะ และการตั้งค่าของ D-Link ก็ง่ายแสนง่าย (คลิ้กดูที่รูปเพื่อดูภาพใหญ่นะครับ)
การตั้งค่าก็ไม่ยาก ผมชินกับการเข้าด้วย IP นะครับ โดยเปิดเครื่อง เสียบสาย LAN เข้ากับ Notebook จากนั้นก็เปิด browser ขึ้นมาแล้ว พิมพ์ตรง address bar 192.168.0.1 จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าจอที่เห็นด้านบนนี่ล่ะครับ ซึ่งเป็น wizzard ให้เราเลือก ง่ายมาก
ขั้นตอนถัดมาก็ให้เราเช็คเรื่องของการเชื่อมต่อต่างๆ ให้เรียบร้อย ทำตามภาพเลย
การตั้งค่าอินเตอร์เน็ท ปกติง่ายๆ ก็คือเราเลือกแบบ DHCP หรือหากใครอยากกำหนด IP เองก็แล้วแต่เลยครับอันนี้ แต่ user บ้านๆ อย่างผมก็ต้อง DHCP ตาม default มานั่นล่ะ
และถัดไปเป็นการตั้งค่าการใช้งาน Wi-Fi จะกำหนดให้ชื่อเหมือนหรือต่างยังไงก็ได้นะ และมีให้ตั้งทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz
ตรงนี้ล่ะที่แนะนำให้เปลี่ยน password admin สำหรับเข้าคอนฟิค router ตั้งแล้วห้ามลืมล่ะ
หน้าสรุปการตั้งค่า จะเห็นว่ากดไปไม่กี่ครั้งก็เสร็จพร้อมใช้งานแล้ว
พร้อมใช้หรือยังเอ่ย? มาถึงตรงนี้แล้วแสดงว่าผ่านฉลุย ถ้าไม่ผ่านก็ให้ย้อนกลับไปทำขั้นตอนแรกใหม่นะครับ
มาดูรายละเอียด config ใน router กันหน่อย
ต้องบอกว่าผมไม่ได้ใช้ router D-Link มานานมาก ไม่รู้ว่าทั้ง UI และการใช้งานจะง่ายขนาดนี้ มีรูปภาพให้รู้ด้วยว่าเชื่อมต่ออยู่หรือไม่
รองรับการเชื่อมต่อเน็ทได้หลายรูปแบบ
มีฟังก์ชั่นเต็มเลย
ทำ QoS ได้ ง่ายด้วย แค่จับลากมาวางแค่นั้นเอง อยากให้เครื่องไหนมีความสำคัญลำดับแรกก็ได้เลย
เรื่องของความปลอดภัย ก็จัด firewall มาให้ การตั้งค่าก็ง่ายเข่นกัน
หากในบ้านมีเด็กๆ ใช้งานอยู่ด้วย หรือต้องการจำกัดการใช้งานเว็บก็มี Websiter Filter จำกัดการเข้าเว็บได้
หากมีอุปกรณ์ network ภายในบ้านหลายๆ ตัวต้องการทำ routing ก็ได้เช่นกัน
Dyns DNS อันนี้ก็ปกติล่ะ
ระหว่างใช้งานก็มีกราฟแสดงปริมาณข้อมูลที่ใช้ด้วยนะ
หน้า admin อันนี้ก็ตามปกติล่ะครับ เปลี่ยน password ได้
ใครที่อยากเก็บ log ของระบบเอาไว้ก็มาตั้งค่าที่นี่เลย
สามารถเปิด Guest Zone จำกัดให้ใช้งานเฉพาะได้ด้วยนะ
คือ โดยรวมแล้ว ฟีเจอร์มีเยอะมาก ผมว่าก็คงใช้งานกันไม่หมดล่ะ และจากเสา 3 ต้นที่แรงๆ มีกำลังส่งมาก จะทำให้ใช้งานได้รวดเร็วและแน่นอนมากขึ้น รวมถึง portที่เป็น GB เอง ทำให้เพิ่งเลนส์การส่งข้อมูลปริมาณสูๆ ภายในบ้านของเราได้ง่าย ไม่เป็นคอขวดอีกด้วยครับ
และยังสามารถใช้ smartphone ตั้งค่าก็ได้นะครับ อันนี้วิธีเดียวกันง่ายๆ แต่ต่อผ่าน WiFi แล้วก็เข้าหน้าตา setup wizzard ได้เลย
สรุปกันสักนิด
router ในบ้านเรามีมากมายหลายแบรนด์ให้เลือก แต่ D-Link ก็มั่นใจได้เรื่องของการทำตลาดมานาน มีสินค้าใหม่ๆ ออกมาตลอดรวมถึง DIR 859 รุ่นนี้ด้วย ซึ่งรองรับ dual-band ทั้ง 2.4GHz และ 5.0 GHz เทคโนโลยีต่างๆ มีพร้อมใช้ เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการใช้งานโอนถ่ายข้อมูล รวมถึงมัลติมีเดียภายในบ้านแบบความเร็วสูง การใช้งานสตรีมมิ่งต่างๆ ก็ทำได้ดี ด้วย AC1750 ที่มีความแรงมาก เชื่อว่าบ้านขนาด 2 ชั้นในปัจจุบันก็ครอบคลุมแทบหมดบ้านเลยครับ สิ่งเดียวที่ยังขาดไปก็คงเป็นเรื่องของ USB Port สำหรับต่อเชื่อมกับ flash drive หรือ HDD เพิมเติม ก็เป็นที่น่าเสียดาย แต่ก็คงมีรุ่นที่มี USB Port มารองรับอย่างแน่นอน สำหรับ D-Link DIR 859 AC1750 รุ่นนี้อยู่ที่สี่พันกลางๆ ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อล่ะครับ
ขอบคุณ D-Link Thailand ที่ให้ยืมอุปกรณ์ทดสอบ
You must be logged in to post a comment.