ในที่สุด Apple ก็เปิดตัว iPhone 7 ออกมาเรียบร้อยแล้ว และจากที่หลุดออกมาตามข่าวก่อนหน้านี้ ก็แทบจะ 100% เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสีดำ ทั้งสองแบบ ความจุ กล้อง และอีกเพียบ แต่ทว่ามีอะไรบ้างนั้น มาดูสรุปกัน
เรื่องของการออกแบบ
Apple ออกแบบสีดำขึ้นมาใหม่ โดยจะมีสีดำ และ ดำแบบ Jet black เพิ่มขึ้นมา และยังมีสี โรสโกลด์ ทอง และเงิน สรุปมี 5 สี และมีความจุให้เลือกตั้งแต่ 32GB จนถึง 256GB
ปุ่ม Home ที่ถูกออกแบบใหม่ โดย ใช้ force sensors และ Taptic Engine โดยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งาน Quick Actions/Messages/Notifications/Ringtones
กันน้ำ และกันฝุ่น
มาตรฐาน IP67 ซึ่งนอกจากกันน้ำแล้วยังกันฝุ่นได้ด้วย
เรื่องของกล้อง
iPhone 7 ทุกรุ่นมี OIS และ f1/8 ประกอบด้วยเลนส์ 6 ชิ้น แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการถ่ายภาพเพิ่มขึ้นทั้งในที่แสงน้อย และคุณภาพที่ได้
โดยมี Image processor เป็นตัวประมวลผลเรื่องการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ซึ่งบรรจุอยู่ใน A10 ชิปเซ็ตตัวล่าสุด บน iPhone 7
สามารถใช้ facetime แบบ HD ได้ จากกล้องขนาด 7 ล้านพิกเซล และซูมได้ 2 เท่า เป็น optical zoom และ digital zoom ได้ 10 เท่า
สำหรับ iPhone 7 Plus จะมีกล้อง 2 ชิ้น ที่แยกกันทำงานคล้ายกับจำลองเอาเลนส์ของ DSLR มาไว้ในตัว เพราะมีทั้งเลนส์ wide และเลนส์ Tele ใส่เอาไว้ให้เรียบร้อย ทำให้เก็บภาพทั้งใกล้และไกล
ทำให้ภาพที่ออกมามีความลึก หรือเบลอมากกว่าปกติ ส่วนฟีเจอร์ depth of field feature จะออกมาก็ต่อเมื่อมีการอัพเดทซอฟท์แวร์ใหม่ในปีนี้
Retina Display
ในเมื่อการถ่ายภาพอัพเกรดขึ้น จอภาพก็เช่นเดียวกัน มีความสว่าง ความละเอียดและจำนวนสีที่แสดงเพิ่มขึ้น
Stereo Speaker
การใช้งาน iPhone 7 ในเรื่องมัลติมีเดียจะชัดเจน และสนุกขึ้น ด้วยลำโพงคู่ เป็นครั้งแรกที่ iPhone มีลำโพงคู่ล่ะนะ
iPhone 7 ไม่มี ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm.ให้ แต่จะมีแถม lighting apdater แปลงจาก lighting เป็น 3.5mm. ให้ในกล่องสำหรับใครที่ยังใช้หูฟังแบบเดิมๆ
Wireless AirPods
ทีเด็ดของ Apple อีกส่วนนึงก็เห็นจะเป็นหูฟังแบบไร้สายนี่ล่ะ AirPods ดีไซน์ออกมาได้สวยจับใจ และจับ W1 ชิปเซ็ทอัดอยู่ใน AirPods เพื่อคุณภาพและการใช้งานแบบไร้สายที่ดีขึ้น เมื่อไม่ได้ใส่ เพลงจะหยุดแล่น และเมื่อใส่อีกครั้งเพลงก็จะเล่นต่ออัตโนมัติ
แถมยังสามารถใส่คำสั่ง แตะที่หูฟังสองครั้งเพื่อคุยกับ Siri ได้อีกด้วย
ใช้งานได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ถ้าหมดก็ไม่มีปัญหาเพราะ Apple ให้ charging case ติดมาด้วย
AirPods สามารถเชื่อมต่อได้มากกว่า 1 อุปกรณ์ และสวิทช์ไปใช้งานได้โดยอัตโนมัติ
เรื่องความเร็วและประสิทธิภาพ
ด้วยชิปเซ็ต A10 ที่มี 4 CPU ในตัว และมีมากกว่า 3 ร้อยล้านทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายใน แน่นอนว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นจาก iPhone 6s อีก 40% ที่ใช้ A9
ส่วนของ GPU มี 6 ตัวด้วยกัน ทำให้ประสิทธิภาพในเรื่องของกราฟิคเพิ่มขึ้นไปอีก 50%
เรื่องของแบตเตอรี่ ก็เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมี Case และ docking สำหรับใช้งานร่วมด้วย แน่นอนว่าต้องซื้อเพิ่มล่ะนะ
ความจุที่ให้มามี 3 แบบให้เลือก สำหรับ iPhone 7 จะสูงสุดที่ 256GB ไม่มี 16GB และ 64GB ให้เลือกอีกต่อไป ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าจากฟีเจอร์ต่างๆ และมัลติมีเดียที่เพิ่มขึ้น 128GB น่าจะเป็นรุ่นที่หลายๆ คนมองเอาไว้
เรื่องราคาและการวางจำหน่าย
ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 23,000 บาท ไปจนถึงทะลุสามหมื่นบาทเหมือนเดิม ดังนั้นเตรียมใจเอาไว้ได้เลย เพราะหากใครเลือก iPhone 7 Plus ก็สามหมื่นอย่างต่ำ
ประเทศที่วางจำหน่าย ไม่มีประเทศไทยในช่วงแรกเหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าเครื่องหิ้วจะตามมาในไม่นานนัก และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายนศกนี้
และในเดือนตุลาคมจะวางจำหน่าย AirPods ส่วน iOS10 จะปล่อยออกมาในวันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป
สำหรับ iPhone 7 เรียกว่าเป็นอะไรที่ใหม่ๆ มากๆ สำหรับ iPhone User อย่างเราๆ ท่านๆ เพราะมีการอัพเกรดจากเดิมในหลากหลายส่วน รอจำหน่ายอย่างเป็นทางการเชื่อว่าอีกไม่นาน Operator ในไทย เตรียมเปิดจองแน่นอน timeline เดิมๆ เตรียมเงินเอาไว้ให้ดี
อ้างอิง iDownloadblog
You must be logged in to post a comment.