ไมโครซอฟท์เผยผลสำรวจกลุ่มมิลเลนเนียลทั่วเอเชีย ชี้ทิศทางสู่ก้าวต่อไปของไลฟ์สไตล์โลกดิจิทัลปี 2020

MS_Millenials CS6


แอเชียแปซิฟิก – ธันวาคม 2559 –ผลสำรวจของไมโครซอฟท์ด้านพฤติกรรมออนไลน์ของกลุ่มมิลเลนเนียลชาวเอเชียในยุคโมบายเฟิร์ส คลาวด์เฟิร์ส พบว่าคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้มีความเข้าใจอันดีและตระหนักถึงความเสี่ยงที่มากับโลกไซเบอร์เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะการใช้อุปกรณ์และบริการด้านดิจิทัลนั้นก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

 

MS_Millenials CS6

1 ใน 3 ของชาวมิลเลนเนียลทั่วเอเชียต้องการสมาร์ทโฟน

ขณะที่ 2 ใน 5 กำลังพิจารณาซื้อแท็บเล็ต แล็บท็อป หรืออุปกรณ์ทูอินวัน

 

ออนไลน์โพลครั้งนี้จัดทำขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 โดยได้ทำการสำรวจกลุ่มมิลเลนเนียลที่มีสัญชาติเอเชียอายุไม่เกิน 25 ปี ทั้งที่ทำงานแล้วและยังศึกษาอยู่ จาก 14 ประเทศที่มีสำนักงานไมโครซอฟท์จัดตั้งอยู่ ได้แก่ ประเทศไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ฮ่องกงและไต้หวัน

 

ภูมิภาคเอเชียประกอบด้วยเยาวชนกว่า 1.1 พันล้านคนซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 60 ของประชากรเยาวชนทั่วโลก[1] จึงอาจกล่าวได้ว่า คนกลุ่มนี้จะเป็นผู้กำหนดวิธีการทำงานของแรงงานในอนาคต รวมถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวันขึ้นใหม่ ในโลกที่มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้นทุกขณะ

 

ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นถึงความนิยมในอุปกรณ์ดิจิทัลของบรรดาคนกลุ่มนี้ ซึ่งผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทุกคนล้วนเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนอย่างน้อยหนึ่งเครื่อง โดยกลุ่มมิลเลนเนียลเลือกใช้โน้ตบุ๊ค หรือแล็บท็อปเนื่องจากมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าเดสก์ท็อป พีซี และแท็บเล็ต นอกจากนี้กว่า 40%ของผู้ตอบแบบสอบถามยังเป็นเจ้าของเครื่องเกมส์อย่างน้อย 1 เครื่อง ขณะที่ความนิยมในอุปกรณ์ดิจิตอลไฮเทคชนิดสวมใส่ยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้นซึ่งมีเพียง 17% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอุปกรณ์ดิจิตอลไฮเทคดังกล่าว

 

ผลการสำรวจยังบ่งบอกอีกว่า กลุ่มมิลเลนเนียลกลุ่มนี้ตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง โดยมากกว่า 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ ต้องการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนมากที่สุดเป็นอันดับแรก ตามด้วยแล็บท็อปและแท็บเล็ต (19.3% และ 13.3% ตามลำดับ)

 

เราค้นพบ 6 ผลสำรวจสำคัญเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ในแบบดิจิทัลของกลุ่มมิลเลนเนียลชาวเอเชียดังนี้

1.     กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการความคล่องตัวสูง: กลุ่มมิลเลนเนียลเลือกใช้โน้ตบุ๊ค หรือแล็บท็อปเนื่องจากมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพการทำงานไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมากกว่าเดสก์ท็อป พีซี และแท็บเล็ต

2.      กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว: ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ๊ค พวกเขาอยากให้ทุกอุปกรณ์ของเขาสามารถใช้จอแบบสัมผัสได้

3.     กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เพื่อความสะดวกยิ่งกว่าเดิม: พวกเขาต้องการเก็บไฟล์บนคลาวด์เพื่อให้สามารถเข้าถึงไฟล์เหล่านี้ได้จากทุกอุปกรณ์และทุกที่

4.     กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยมากขึ้น: ผู้ร่วมการสำรวจส่วนใหญ่ไม่ชอบหากขาดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในวิถีชิวิตดิจิทัลของพวกเขา ซึ่งในความเป็นจริงกว่า 70% ของคนกลุ่มนี้ยินดีจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ดังนั้น เทคโนโลยีที่พวกเขาอยากให้เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้คือ การผสานอุปกรณ์ต่างๆเข้ากับเทคโนโลยีไบโอเมทริกส์ อาทิ การสแกนม่านตา เป็นต้น

5.     กลุ่มมิลเลนเนียลต้องการความง่ายในโลกเทคโนโลยีที่ซับซ้อน: ผู้ตอบแบบสอบถาม 610 คนรู้สึกว่าความท้าทายถัดจากเรื่องของความปลอดภัยในโลกดิจิทัล คือการที่ต้องจำรหัสผ่านจำนวนมาก

6.     กลุ่มมิลเลนเนียลเชื่อว่า เทคโนโลยีจะทำให้อนาคตพวกเขาดีกว่าเดิม: ผลการศึกษาพบว่า 70% ของเยาวชนกลุ่มนี้เชื่อว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสังคมได้ อาทิ ความไม่เท่าเทียมกัน โรคภัยบางอย่างและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังเผชิญในปัจจุบัน

นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมถึงพัฒนาการของอุปกรณ์ดิจิทัล ที่ตนอยากให้เกิดขึ้นจริงภายในปี 2020 เช่น การแสดงผลด้วยภาพแบบโฮโลกราฟฟิก ผู้ช่วยส่วนตัวเสมือน การสั่งงานอุปกรณ์โดยตรงผ่านความคิด ระบบควบคุมการทำงานด้วยท่าทาง และซอฟท์แวร์ที่ช่วยให้ตนก้าวข้ามข้อจำกัดทางภาษา

 

วินโดวส์ 10 – ผู้บุกเบิกยุคของ “พีซีที่ทำได้มากกว่า”

ด้วยแรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตแบบดิจิทัลในยุคโมบายเฟิร์ส คลาวด์เฟิร์ส ไมโครซอฟท์ได้สร้างพันธกิจที่จะสร้างยุคของ “พีซีที่ทำได้มากกว่า” หรือยุคที่เทคโนโลยีมีความเรียบง่ายมากขึ้นแต่ยังคงทรงพลังมากพอที่จะช่วยให้ผู้ใช้ บรรลุศักยภาพของตนเอง

 

วินโดวส์ 10 เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 โดยไมโครซอฟท์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถการใช้งานที่หลากหลายให้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อทำงานหรือเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน โดยพลิกโฉมให้การสั่งงานอุปกรณ์มีความง่ายดาย วินโดวส์เวอร์ชั่นนี้จะช่วยให้ทุกคนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้สะดวกรวดเร็วกว่า ด้วยนวัตกรรมอย่าง Cortana, Windows Hello, Microsoft Edge, Continuum, Xbox และอีกมากมาย สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แท็บเล็ต และโทรศัพท์

 

กุนเทอร์ ไวเมอร์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจวินโดวส์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไมโครซอฟท์กล่าวว่า “ด้วยจำนวนอุปกรณ์มากกว่า 110 ล้านเครื่องที่ใช้วินโดวส์ 10 รวมทั้ง 12 ล้านเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะสำหรับสำนักงาน วินโดวส์ 10 มีอัตราการใช้งานมากกว่าทั้ง วินโดวส์ 7 และวินโดวส์ 8 ซึ่งวินโดวส์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนี้สามารถตอบโจทย์จินตนาการของกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลและธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เราตื่นเต้นแทนผู้ใช้งานที่จะได้ค้นพบยุคใหม่ของพีซีที่ทำได้มากกว่าด้วยวินโดวส์ 10 ที่ทำให้การใช้งานข้ามอุปกรณ์หลากหลายมีความคล่องตัว และราบรื่นที่สุด”

 

###

 

ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์

บริษัท ไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT” @Microsoft) ผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการที่มุ่งเสริมประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ในโลกยุคโมบายและคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนทุกคนและทุกองค์กรทั่วโลกให้บรรลุผลสำเร็จทีดียิ่งกว่า

 

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2536  มีความมุ่งมั่นในการช่วยให้คุณภาพชีวิตคนไทย 70 ล้านคน ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์   ไมโครซอฟท์ ส่งเสริมให้คนไทยและภาคธุรกิจได้ตระหนักถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มเปี่ยมผ่านการใช้เทคโนยี  เทคโนโลยีที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลง ในการทำงาน การใช้ชีวิต และการสื่อสาร  ไมโครซอฟท์ให้บริการซอฟต์แวร์ บริการ และดีไวซ์ ที่สามารถก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ  มีความสะดวกทันสมัย  และช่วยให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ไมโครซอฟท์ ไม่หยุดนิ่งในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตร อย่างต่อเนื่องในการนำพลังของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย 

ถูกใจบทความนี้  0