ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผย นวัตกรรมในทุกระดับ ช่วยขับเคลื่อนพลังงานเพื่อการใช้ชีวิตอย่างลื่นไหลในทุกที่ ทุกเวลา

spd_20160213102916_b

 กรุงเทพฯ – 28 ธันวาคม 2559 : ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น เผยความสำเร็จของงานอินโนเวชั่น ซัมมิท ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 รายซึ่งเป็นตัวแทนจากภาครัฐฯ และองค์กรธุรกิจ รวมถึงภาคการศึกษาจาก 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มาร่วมอภิปรายแนวโน้มล่าสุด รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ปรับเปลี่ยนโลกพลังงานและระบบออโตเมชั่นเพื่อขับเคลื่อนการใช้ชีวิตอย่างลื่นไหลในทุกภาคส่วน 

 

 

spd_20160213102916_b

นวัตกรรมในทุกระดับ หรือ Schneider Innovation at Every Level นับเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมอำนาจที่มาจากเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ ซึ่งเป็นเสมือนคำมั่นสัญญาและแนวทางที่จะช่วยปรับเปลี่ยนเมือง แปลงโฉมอุตสาหกรรมและเติมสีสันให้กับชีวิตผู้คนด้วยผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อ ควบคุมการใช้งานปลายทางผ่านอินเตอร์เน็ต รวมถึงแอพพลิเคชัน ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและบริการต่างๆ ที่เชื่อมต่อถึงกัน

“เอเชีย แปซิฟิก ยังคงเป็นภูมิภาคที่น่าตื่นเต้นสำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค” ทอมมี่ เหลียง ประธานบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและญี่ปุ่น กล่าว “สิ่งที่เราปรารถนาคือ การพัฒนาและนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่เชื่อมต่อกัน เพื่อช่วยให้ภาคพื้นดังกล่าวสามารถบริหารจัดการพลังงานและกระบวนการทำงานในวิถีทางที่ปลอดภัย ให้ประสิทธิภาพและยั่งยืนแก่ลูกค้าของเรา ซึ่งการจัดการซัมมิทนี้ ก็เป็นเวทีที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้สานสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมช่วยให้ลูกค้ายืนหยัดอยู่เหนือคลื่นนวัตกรรมได้”
จุดเด่นของงานซัมมิท คือการที่ นายฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานและซีอีโอ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ขึ้นกล่าวเปิดงานโดยพูดถึง เทคโนโลยีในส่วนการดำเนินงานที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การปฏิวัติครั้งใหญ่ คือ อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนโฉมขนานใหญ่ในสายการดำเนินงานทั้งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการดำเนินงานส่วนปฏิบัติการ คือทั้ง ไอที และโอที นั่นเอง ท้ายที่สุดแล้วนายฌองเชื่อว่าผู้บริโภคปลายทางจะเข้าใจถึงใจความสำคัญของประสิทธิภาพในการดำเนินงานส่วนปฏิบัติการในขอบเขตที่กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์โดยตรงจากโลกพลังงานใหม่และระบบออโตเมชั่นที่เปลี่ยนผ่านการปฏิวัติครั้งนี้

ในงานดังกล่าว เน้นที่ธีมเรื่องของนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาคารที่พอเพียงเพื่อลดโลกร้อน รวมถึงโลกพลังงานใหม่ที่ประกอบไปด้วยตัวแปรหลักๆ อย่าง 3D+1E และอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนการทำงานได้ด้วยตัวเอง, ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งบนคลาวด์และที่ปลายทาง รวมถึงการกระจายพลังงานในนิยามใหม่

 

หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจในเวียดนาม คือ นายเหงียน มานห์ ตุง ผู้อำนวยการของ GTECHS Vietnam ได้กล่าวถึงความสำคัญของ IoT ที่สามารถพลิกโฉมประเทศเวียดนามให้กลายเป็น Smart Nation ซึ่งหัวใจสำคัญหลักอยู่ที่เรื่องของสมาร์ทกริด และการขนส่ง พร้อมกล่าวว่าจะนำอุปกรณ์และตัวเซ็นเซอร์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคที่นำมาแสดงในงานไปใช้ที่เวียดนามโดยประยุกต์ใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน โดยเฉพาะในเรื่องของระบบคลาวด์


นอกจากนี้ ยังมีส่วนปลีกย่อยที่มาเสริมงานซัมมิท คือ Innovation Hub ที่เปิดประสบการณ์ครั้งแรกให้กับตัวแทนต่างๆ ได้รับรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและโซลูชันเพื่ออาคาร โรงงานและโรงงานผลิต รวมถึงดาต้า เซ็นเตอร์ และที่พักอาศัย  ซึ่งนวัตกรรมและโซลูชันเหล่านี้ นำความสามารถด้านการเชื่อมต่อ คือในเรื่องอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์, โมบิลิตี้ และการวิเคราะห์ มาช่วยในระบบงานที่มีการผสานรวมในส่วนของไอที และโอที เข้าด้วยกัน ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น ให้ความน่าเชื่อถือ ให้ความปลอดภัยและยั่งยืน



ถูกใจบทความนี้  0