ZmyHome เว็บไซต์ขาย เช่า บ้าน คอนโด เจ้าของขายเอง แพลตฟอร์มตลาดอสังหาที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด ระดมเงินลงทุน 400,000 เหรียญ จากกองทุน KK Fund

15 มกราคม 2561 – ZmyHome (ซีมายโฮม) สตาร์ตอัพในโครงการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch 3 ซึ่งเป็นเว็บไซต์บ้าน คอนโด เจ้าของขายเอง อันดับ 1 ที่ช่วยให้ผู้ซื้อได้ซื้อบ้านตรงจากเจ้าของตัวจริงหรือเจ้าของโครงการ ประกาศรับเงินลงทุน400,000 เหรียญสหรัฐ จากกองทุน KKFund เพื่อพัฒนาระบบและขยายตลาดให้ครบทุกทำเลทั่วประเทศไทย เผยหลังจากเปิดให้บริการ 2 ปี มีประกาศที่ขายหรือเช่าแล้ว 10,000 รายการ และเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อเดือน

 

 

นายณัฐพล อัศว์วิเศษศิวะกุล ผู้ก่อตั้ง ZmyHome กล่าวว่า “เว็บไซต์ ZmyHome มีผู้เข้ามาลงประกาศในลักษณะเจ้าของบ้าน คอนโด ในรายบุคคล รวมทั้งเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโครงการคอนโดและบ้านจำนวนมาก ที่ใช้บริการระบบนี้ เช่น แอลพีเอ็น  ริชชี่เพลส  ซีพีแลนด์  เรียลแอสเซท  ชีวาทัย  ดีเวล เป็นต้น โดยทุกรายสามารถขายทรัพย์สินได้จริง และมีมูลค่ารวมกันกว่าร้อยล้านบาท และจนถึงสิ้นปีนี้เจ้าของโครงการต่างๆ สามารถส่ง Pricelistและภาพถ่าย เพื่อให้ ZmyHome ช่วยลงประกาศให้ได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนและโครงการ

จุดแข็งของแพลตฟอร์ม ZmyHome คือช่วยให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของโครงการ หรือเจ้าของบ้านรายย่อย ขายได้เร็วขึ้น เพราะ 1) ZmyHome ช่วยแสดงให้เห็น ความต้องการที่แท้จริงของตลาด และ 2) ZmyHome ช่วยโปรโมททรัพย์สินที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยผู้ขายสามารถศึกษาราคาของทรัพย์สินที่ขาย-เช่า สำเร็จบนเว็บไซต์ก่อนเริ่มลงประกาศ และหลังจากที่ลงประกาศแล้วเจ้าของบ้านจะได้รับแจ้งความเคลื่อนไหวสำคัญในโครงการเดียวกัน หรือในชุมชนรอบๆ ผ่านทางเฟซบุ๊กแมสเซ็นเจอร์(FB Messenger)  เช่น จำนวนคนสนใจโครงการที่คุณลงประกาศขายอยู่  ประกาศที่มีผู้สนใจซื้อในโครงการเดียวกัน ประกาศที่ขาย-เช่าสำเร็จในโครงการเดียวกัน เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือแบบนี้คล้ายกับเจ้าของทรัพย์สิน มีมืออาชีพช่วยแนะนำตลอดเวลา เพื่อช่วยให้ขายเช่าสำเร็จ

นอกจากนี้ ZmyHome  ยังเป็นเว็บอสังหา แห่งแรกในประเทศไทย ที่เจ้าของบ้านหรือคอนโดที่รีบขาย หรือรีบเช่า สามารถโปรโมทตรงถึงผู้ซื้อที่มีแผนจะซื้อบ้าน หรือเช่า ภายใน 3 เดือนรอบๆ โครงการ โดยคิดค่าบริการตามจริงที่จากลูกค้าเห็นโฆษณาเท่านั้น  โดยในปีที่ผ่านมาเว็บไซท์ก็มี Developer มาใช้บริการจำนวนมากด้วยเช่นกัน โดย 1 ในนั้นคือ LPN ซึ่งสามารถปิดยอดขายได้จริงผ่าน ZmyHome กว่า 100 ล้านบาท และในปี 2561 นี้ก็ตั้งเป้าที่จะปิดยอดขาย 300 ล้านบาท จากZmyHome

นายโคอิชิ ไซโตะ (Koichi Saito) ผู้ก่อตั้ง KK Fund กล่าวว่า “ KKFund เลือกลงทุนใน ZmyHome เพราะเห็นโอกาสของตลาดอสังหาในเอเชียตะวันออกเฉียงที่มีสภาพคล่องต่ำ  ซึ่งต้องการแพลตฟอร์มที่ข้อมูลถูกต้อง เพื่อช่วยให้การซื้อขายเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเหมือนประเทศพัฒนาแล้วที่สามารถขายหรือซื้อสำเร็จในเวลาเพียง 1-3 เดือน ซึ่งทีมผู้ก่อตั้ง ZmyHome มีเข้าใจโครงสร้างของปัญหานี้เป็นอย่างดี และทุ่มเทตลอดมาที่จะทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ซื้อขายสำเร็จได้ตามต้องการ  นายโคอิชิ เสริมว่า “แม้ว่ากลไกต่างๆ ของตลาดไทยจะยังไม่พร้อมเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นได้จากการผลักดันของภาครัฐ และองค์กรวิชาชีพต่างๆ   แต่ ZmyHome ได้พยายามสร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน แพลตฟอร์ม อื่นๆ เพื่อช่วยให้ซื้อขาย สำเร็จ  และเว็บไซต์ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเว็บมีการถูกเปิดดูกว่า 1,000,000 ครั้ง/เดือน”

การลงทุนใน ZmyHome ครั้งนี้ จะเป็นการสร้างพันธมิตรด้าน แพลตฟอร์มอสังหาฯที่แข็งแกร่งใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก KK Fund ได้มีการลงทุน Platform ด้านอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศในภูมิภาคนี้  และ ZmyHome เป็น แพลตฟอร์มเดียวในไทยที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด

นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อประกาศบนเว็บถูกต้อง และอัพเดทอยู่เสมอ ผู้ซื้อและผู้ขายจะสามารถใช้ ZmyHome เช็คราคาตลาดได้อย่างรวดเร็ว เพียงรายเดียวในไทย และเงินที่ได้จากการระดมเงินลงทุนรอบนี้ จะนำมาพัฒนาระบบและทำการตลาดให้ครอบคลุมตลาดทุกทำเล และทุกเซ็กเม้นท์  ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ซื้อบ้าน   นอกจากนี้เว็บไซต์ยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบวิเคราะห์ราคาและระบบโฆษณา เพื่อช่วยให้เจ้าของโครงการ และเจ้าของรายย่อย ซื้อขายสำเร็จได้ในเวลาที่ต้องการ  อย่างไรก็ดีการจะช่วยให้เวลาขายเฉลี่ยของตลาดลดลงเหลือ 1-3 เดือนทุกรายเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว จำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาด้านอื่นๆ เพิ่มเติม”

นางสาวสุวัฒนา แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศ LPN Development กล่าวว่า “LPN เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรม เพื่อเอามาใช้พัฒนาบริษัททุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องของการสร้างความแตกต่างและการให้บริการลูกค้า  การทำการตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กรและการผลิต  ผู้บริหารของบริษัทจึงได้นโยบายทำงานร่วมกับสตาร์ตอัพหลายๆ ราย รวมถึง ZmyHome ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย  นอกจากการที่เราสามารถปิดการขายผ่านแพลตฟอร์ม และลดต้นทุนการตลาดได้”

นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับผู้ก่อตั้งและทีมงาน ZmyHome ทุกคนที่ประสบความสำเร็จขึ้นไปอีกก้าวจากความทุ่มเทและพยายามทำงานอย่างเต็มที่ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าตลาดซื้อขายที่อยู่อาศัยเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่กว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี และยากมากๆที่จะเข้ามา disrupt  ทำให้ยังไม่ค่อยมีสตาร์ทอัพทางด้าน PropertyTech มากนักในบ้านเราที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้ในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ซึ่งทีมผู้ก่อตั้ง ZmyHome ก่อนที่จะเข้ามาร่วมเป็นสตาร์ตอัพในครอบครัวของ ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch#3 ก็คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 15 ปี  จนทำให้มองเป็นปัญหาต่างๆ ของอุตสาหกรรมที่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไข”

“ด้วยระยะเวลาเพียง 2 ปี  ZmyHome มีประกาศที่ขายหรือเช่าแล้วกว่า 10,000 รายการ จากทั้งหมด 30,000 รายการ ให้ผู้ที่จะขาย-เช่าที่อยู่อาศัยได้ศึกษา  และจำนวนคนซื้อ คนเช่าที่เข้ามาใช้ก็เติบโตเฉลี่ย 18% ต่อเดือน ทำให้เว็บไซต์ถูกเปิดดูเดือนละกว่า 1,000,000 ครั้ง  จนทำให้ได้รับความไว้วางใจจาก KK Fund กองทุนจากสิงคโปร์ที่มี track record ที่ดีมากๆ มาลงทุน  ซึ่งกองทุนนี้มี ศักยภาพที่จะช่วยให้สตาร์ตอัพ ไทยเราเติบโตขึ้นไปอีกในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้  ตัวอย่างเช่น เร็วๆนี้ก็มีสตาร์ตอัพ ของ KK Fund และ ดีแทค แอคเซอเลอเรท ในรอบ seed round ทีชื่อ Giztix สามารถระดมทุน seriesA  จาก SCG เป็นต้น  ซึ่งในปีนี้ ดีแทค แอคเซอเลอเรท เองก็อยากเห็นสตาร์ตอัพ ทางด้าน PropertyTech ในไทยมากขึ้น จึงอยากเชิญชวนให้สตาร์ทอัพ เตรียมตัวที่จะมาสมัคร Batch#6 ซึ่งกำลังจะเปิดรับสมัครในไม่กี่เดือนข้างหน้า”

ถูกใจบทความนี้  0