เป็นเรื่องที่ยังคงหวาดกลัวกับเทคโนโลยี ที่ทุกครั้งมีการตั้งเสาสัญญาณ หรือว่ามีเหตุที่ไม่ดีเกิดขึ้น ในกลุ่มชุมชน เช่นมะเร็ง การเสียชีวิต สาเหตุนึงที่มักจะคิดกันว่าอาจจะเกิดจากส่วนนี้ก็คือคลื่นที่มาจากเสาสัญญาณที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง ไม่เพียงแค่คนไทยเราที่มีความคิดแบบนี้ แม้แต่ต่างประเทศก็มีเคสแบบนี้เช่นเดียวกัน ที่ยุโรปเองก็มีเคสไม่เอา 5G เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดมีผลกระทบกับชีวิตและสุขภาพของเขาก็เป็นได้ ถึงมีขนาดว่ามีการประท้วงไม่เอา 5G กันเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับในบ้านเรา แต่บ้านเราจะเป็นเคสของการตั้งเสากระจายสัญญาณเสียมากกว่า คือเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตั้งเอาไว้ใกล้ชุมชน เพราะสัญญาณจะมีประสิทธิภาพก็จะต้องตั้งอยู่ในบริเวณ เราถึงจะใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ ไม่อย่างนั้น ก็จะมีผลกระทบที่ว่าเน็ตไม่วิ่ง วิ่งช้าที่เรามักจะเจอกันโดยตลอด หากมีการเคลื่อนย้ายตำแหน่ง ก็จะทำให้ไม่ครอบคลุมบริเวณที่เค้าออกแบบไว้ ก็จะมีคนอีกส่วนนึงที่ใช้งานได้ไม่ดี ซึ่งตามหลักฐานทางวิทยาศาสตาร์ ก็ไม่ได้มีการยืนยันระบุชัดเจนว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง
แต่อีกมุมนึง สุขภาพคนเราก็ไม่เหมือนกัน บางคนรับสารพิษนิดเดียวก็ถึงกับเสียชีวิตได้ บางคนก็ไม่เป็นไร เช่นเดียวกับคลื่นโทรศัพท์ ความถี่ต่างๆ ที่ปกติจริงๆ มีอยู่รอบตัวเรา แต่ถ้าหากมีการเพิ่มกำลังการส่ง หรือความเข้มข้นมากขึ้น อาจจะมีคนส่วนนึงได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจริงก็ได้ แต่ก็จะพิสูจน์ยากนั่นเอง เพราะปัจจุบันส่วนใหญ่คลื่นต่างๆ มีการส่งต่อกันมานานแล้ว เพียงแต่เราอาจจะไม่รู้ ซึ่งจากยุคที่ผ่านมาตั้งแต่ 1G จนปัจจุบัน 5G ก็ยังคงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ชัดเจนไม่ได้ว่ามีผลกระทบกับสุขภาพ ก็กลายเป็นว่าไม่ได้รับผลกระทบนั่นเอง ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้งานกันได้อย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม 5G อาจจะน่ากลัวสำหรับคนที่ระวังเรื่องสุขภาพ ก็พยายามเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน สิ่งที่จะทำได้ก็น่จะเป็นการย้ายที่อยู่ แต่ยังไงก็ไม่พ้นเสาการส่งสัญญาณที่มีอยู่ทั่วไป แต่อาจจะไกลจากเสาหน่อยให้สบายใจนั่นล่ะครับ ข้อมูลตามข่าวคือ “ดร.อีมิลี ฟาน เดเวนเตอร์ หัวหน้าคณะรังสีวิทยา องค์การอนามัยโลก ได้ตอบกลับคำถาม โดยยืนยันผลการศึกษาช่วงระยะ 10 ปี ระหว่างปี พ.ศ.2539-2549 ว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถชี้ได้ว่าการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ระหว่าง 0-300 กิกะเฮิรตซ์ จากสถานีฐาน และการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ จะมีผลร้ายแรงต่อสุขภาพ” ดังนั้น 5G อาจจะน่ากลัวก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานยืนยันว่ามีผลร้ายแรงนั่นเอง
ถูกใจบทความนี้ 0
You must be logged in to post a comment.