ทักทาย วันจันทร์ มันส์เดย์ – e-waste ขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก Dell ทำจริง

พอดีได้เจอคอนเทนต์ดีๆ ที่เกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ตอนนี้คือมีมากมายจริงๆ สำหรับส่วนตัวแล้วในช่วงแรก ที่เริ่มมีพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เริ่มมีการนำแบตเตอรี่ผนวกเข้ามาในตัว ที่ตอนนี้เองอาจจะเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่าเป็น AIoT เช่นพวกแปรงสีฟันไฟฟ้า และอุปกรณ์ภายในบ้านอื่นๆ อีกเพียบที่ไร้สาย ล้วนแล้วแต่ใช้งานแล้วต้องทิ้งกันทั้งนั้น ซึ่งเอาจริงๆ ก็เห็นได้มาตั้งแต่ Smartphone ที่เริ่ม lock ฝาหลัง เปลี่ยนแบตเองไม่ได้ ผมเชื่อว่านับจากเทรนด์ของ Apple iPhone เริ่มไม่ให้เปลี่ยนแบตเตอรี่เอง ด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ ผู้ตามค่ายอื่นก็ตามๆ กันมาจนปัจจุบัน แทบจะไม่เหลือการเปลี่ยนแบตเองได้อีกต่อไป การเปลี่ยนแบตเองได้ มีผลดีก็คือใช้งานได้ยาวนานขึ้น เพียงแค่เปลี่ยนแบต แต่ด้วยอุตสาหกรรมเร่งให้มีการเปลี่ยนเครื่องเร็วขึ้น นอกจากแบตเตอรี่ก็ยังมี software ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีฟีเจอร์มากขึ้น ทำให้เครื่องรุ่นเดิมๆ ไม่สามารถใช้งานได้ จริงๆ ก็มีหลายตัวเร่ง จึงทำให้อุตสาหกรรมสามารถวนเวียนอยู่ได้ จนถึงปัจจุบัน แต่สิ่งนึง ที่เป็นปัญหามานานมาก ตั้งแต่ผมเด็กๆ จนปัจจุบัน ผมเชื่อว่ามันเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว เพราะลักษณะการใช้งานที่เปลี่ยนไปจากเดิม ถ่านชาร์จ ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ แต่อุปกรณ์ทั้งหมดในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ ใส่ถ่านไม่ได้อีกต่อไป ทำให้ปริมาณอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จริงๆ แล้วไม่ได้เสีย เพียงแต่แบตเสื่อม แล้วส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เปลี่ยนแบตได้ ถึงเปลี่ยนได้บางทีก็ไม่คุ้มกับค่าแบตค่าซ่อม ค่าเสื่อม อีกต่างหาก

แน่นอน เราเห็นบริษัทต่างๆ พยายามลดขยะให้โลกของเรา โดยเริ่มจากเปลี่ยนวัสดุที่นำมาเป็นกล่องหรือแพ็กเกจจิ้ง ให้เป็นวัสดุรีไซเคิล แต่นั่นก็ยังไม่พอ จนเจ้าพ่ออย่าง Apple เองก็เป็นผู้นำ อย่างล่าสุด ในการถอดที่ชาร์จหรือหัวชาร์จออกไปจากแพ็กเกจที่แถม แต่ก็ไปขายแยกอ่ะนะ ซึ่งก็เคลมว่าช่วยลดในส่วนของขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปได้อีกจำนวนไม่น้อย และมีอีกหลายค่ายตามมาไม่ว่าจะเป็น Samsung และอื่นๆ แต่จากที่รู้สึกหรือเห็นข้อมูล และคิดตามไปแล้ว ก็ยังคิดว่ามันเพียงพอแล้วหรือ? ลดเรื่องนี้ได้จริงจัง หรือว่าทำไปเพราะเป็นข้อกำหนด หรือเรื่องการตลาด? อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ที่รู้คอ บริษัทนึงอย่าง Dell จากคลิปของ แบไต๋  คือเค้ามีนโยบายและจุดมุ่งหมายชัดเจนว่า product อย่างโน๊ตบุ๊คซีรีส์ XPS วัสดุทุกชิ้นจะต้องนำมารีไซเคิ้ลใหม่ได้แบบ 100% ปัจจุบันเค้าก็ทำอยู่ ซึ่ง cost ในการทำเรื่องพวกนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว มีกระบวนการและขั้นตอนมากมาย และใช้เงินลงทุนในการทำนวัตกรรมเรื่องรีไซเคิ้ลแบบจริงจัง ซึ่งฝั่ง Smartphone เองก็ไม่ได้เห็นอะไรแนวๆ นี้เลย มีแต่แบบน้ำจิ้มมาก เมื่อเทียบกับ Dell ซึ่งข้อมูลคือ e-waste นี่ เอามากองเรียงๆ กัน ได้เท่ากับกำแพงเมืองจีนเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าทุกบริษัทในโลกนี้ ยังมัวแต่เน้นยอดขาย โดยที่ ลดเพียงแค่แพ็กเกจ หรือแม้แต่การแถมหัวชาร์จอันเดียว (แต่ขายแยก) มันก็ไม่ได้ช่วยโลกนี้อย่างแท้จริง เหมือนดังเช่นที่ Dell ทำ จริงๆ คงยังมีอีกหลายบริษัทที่ทำ แต่อาจจะไม่ได้มีข้อมูลตรงนี้ชัดเจน แต่ผมว่าควรจะเน้นเรื่องนี้และร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อโลกให้ลูกหลานในอนาคต จะได้ไม่มีภาระเรื่องขยะจนมากเกินไป ไม่งั้นล้นโลกจริงๆ นะ ผลก็คือโลกร้อน มลพิษสารพิษจะอยู่รอบตัวเรา แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร?



ถูกใจบทความนี้  0