Infinix เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่กับ Note 40 Series โดยมีรุ่นท็อปที่ Note 40 Pro+ 5G ซึ่งมาพร้อมหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 7020 ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร มี CPU Octa Core (2 Cortex-A78 cores 2.2GHz กับ 6 A55 cores 2.0GHz) ทำงานร่วมกับ RAM สูงสุด 12GB และรองรับการใช้งานฟีเจอร์ Virtual RAM
หน้าจอรุ่นนี้มาในแบบ OLED ขอบหน้าจอโค้งความละเอียด Full HD+ 120Hz 10-bit panel ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1,300nits / 2,160Hz high frequency PWM dimming ปกป้องหน้าจอด้วย Gorilla Glass และตัวเครื่องจะมาพร้อม tempered glass ทันทีที่แกะกล่อง และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
ด้านหลังมีแผงกล้องขนาดใหญ่ที่มีกล้องหลังด้วยกันทั้งหมดสามตัวประกอบไปด้วยกล้องตัวหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว รองรับการซูม 3x ในเซ็นเซอร์เดียวกัน ทำงานร่วมกับ Depth Sensor 2 ตัว ทว่าน่าเสียดายที่แม้กล้องจะความละเอียดสูงแต่ไม่ได้รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ส่วนกล้องหน้านั้นให้มาที่ 32 ล้านพิกเซล
รุ่นนี้ยังมาพร้อมชิป Cheetah X1 ที่เป็นชิปในการจัดการพลังงานตัวแรกของแบรนด์นี้โดยจะจัดการทั้งเรื่องการชาร์จให้มีความปลอดภัยกับกำลังไฟที่ตัวเครื่องสามารถรับได้ 100W โดยมีแบตเตอรี่ 4,500mAh ใช้เวลาในการชาร์จ 50% เพียง 12 นาที นอกจากนี้ยังเคลมว่าแบตเตอรี่ดังกล่าวนั้นใช้งานได้กว่า 1,600 รอบ นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไฟแบบไร้สายแรง 20W และมีระบบการชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็กด้วย รวมถึงยังรองรับการจ่ายไฟทั้งแบบมีสายและไร้สาย
สำหรับสายเกมนั้นตัวเครื่องยังรองรับ Bypass Charging 2.0 ที่จะสามารถจ่ายไฟเข้าไปที่ motherboard โดยตรงเพื่อช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องได้มากถึง 4.5 องศาเซลเซียส และยังมี vapor chamber ขนาด 3,753mm² กับ graphite sheet ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิชิปเซ็ตได้มากถึง 7 องศาเซลเซียส
ลำโพงตัวเครื่องที่ใช้งานนั้นเคลมว่าเป็นของ JBL ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับแกนมอเตอร์ X สำหรับ haptic feedback เพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นด้วย ส่วนฟีเจอร์อื่นนั้นรุ่นนี้ผ่านมาตรฐาน IP53 มีทางเลือกสองสีสันได้แก่ สีเขียวและสีดำ ทั้งนี้ยังไม่มีราคาออกมา
ถูกใจบทความนี้ 1
You must be logged in to post a comment.