ทักทาย รายวัน

    งานนี้ทรูเพิ่งมีอัปเดทเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา มีอัปเดทเรื่องต่างๆ หลักๆ ก็คงเรื่องของ True Online ที่มาพร้อมกับ True Super Fiber Game Pack Pro ที่มาพร้อมกับความเร็ว 300/300Mbps แบบแยกท่อ เล่นเกม ก็แยกกันไป เล่นโซเขียล เล่นเว็บ ก็แยกไปอีกท่อ หรือจะดูสตรีมพวก twitch หรือ facebook live ก็แยกไปอีกท่อนึงไม่กวนกัน ท่อละ 300/300Mbps พูดถึงก็น่าจะโอเค คือดีเลยล่ะ เค้าว่ามีเรื่องของ DPI หรือการตรวจสอบแพ็กเกจ หรือการใช้งานระดับลึก รู้ว่าเราใช้านอะไรอยู่แล้วจะแยกท่อให้ไปวิ่งท่อนั้นๆ ทันที ไม่รบกวนกัน การแยกท่อไม่ใช่ของใหม่ เพราะฝั่ง AIS Fibre เปิดตัวมาก่อน แต่อย่างว่ามาก่อนก็ 2

       อีกทีครับ เกี่ยวกับกล้อง pop up เป็นเทรนด์ของครึ่งปีแรกที่ล่าสุด Samsung Galaxy A80 เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปหมาดๆ พร้อมวางจำหน่ายกับการโปรโมตพรีเซนเตอร์ Blackpink บรรดา blink ทั้งหลาย คงต้องไม่พลาด เพราะลงตัวด้วยกล้องแบบ POP UP เลื่อนขึ้นมาด้านบน แต่ที่แจ่มก็คือ สลับปรับกล้องด้านหลังมาเป็นกล้องด้านหน้า เค้าเรียกว่า Rotating Triple Camera ที่มีทั้งเลนส์ไวด์ เก็บภาพได้กว้าง ซูมก็ได้ เบลอ โบเก้ก็จัดเต็ม

     เทรนด์กล้องด้านหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่อง ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี หลังจากเมื่อปีที่แล้วมีไม่กี่รุ่น อาทิเช่น OPPO Find X แต่ผู้นำน่าจะเป็น Vivo สักรุ่นจำไม่ได้ ฮ่าๆ สรุปคือพี่จีนนำมาและเป็นรุ่นราคาแพง แต่มาปีนี้ ราคากล้องแบบ pop up เลื่อนพับเก็บได้ หน้าจอไม่มีติ่งมีให้เลือกเพียบ ล่าสุดก็ Huwaei Y9 Prime 2019 เป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดมาราคา 7990 บาท ถ้าเทียบสเปคโดยรวมอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด

    เรื่อง 5G ในไทย ดูท่าทางจะถูกผลักดันอย่างเต็มที่ หลังจากที่ยังไม่มีเคสที่จะนำไปใช้งานชัดเจน ในแง่ของการลงทุนเอาจริงๆ แล้วถ้าในฐานะคนลงทุนก็คงต้องบอกว่าเอาเงินไปจมก่อนล่วงหน้า แทนที่จะเอามาพัฒนาหรือทำโปรโมชั่นต่างๆ ในปัจจุบัน แต่ก็ต้องบอกว่าไม่มีก็ไม่ได้ อย่าคลื่น 700MHz ที่ต่างก็ตบเท้าพร้อมเพรียงกันในการเข้าร่วมประมูล แน่นอนว่าอนาคตก็จะมีอีกหลายคลื่นเชน 2.6GHz หรือ 3.5GHz สรุปคือต้องมีย่ายความถี่หลายย่านรวมกัน

     ช่วงนี้กระแส OS ใหม่กำลังแรง อย่าง Hongmeng OS ซึ่งล่าสุดไม่ได้มากับ flagship แต่จะมากับรุ่นเล็กๆ ก่อน คงต้องลองดูเชิงของการตอบรับของตลาดผู้ใช้ว่ามีฟีดแบ็คยังไงบ้างซะก่อน ก่อนที่จะออกมาเต็มๆ อีกทีล่ะมั้ง กำหนดก็ประมาณ ตุลาคมปีนี้ หยุดไว้ตรงนั้นก่อน เพราะจะมี OS ใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งตัว นั่นก็คือ Kai OS

   ช่วงนี้จะเห็นว่าข่าวของ Huwei 5G กับประเด็นต่างๆ กับคู่ต้าสหรัฐอเมริกาจะมีไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว ซึ่งประเด็นหลักมาจากการสื่อสารยุค 5G ที่ตั้งข้อสังเกตุว่าอุปกรณ์ 5G ของ Huawei มีการเก็บข้อมูลส่งกลับไปทางการจีน ซึ่งเอาจริงๆ เลยนะครับ นั่นก็คือสหรัฐอเมริกา กับจีนที่เค้าเป็นสองประเทศที่ค้านกันหัวชนฝาชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจะเอาชนะกันให้ได้ไม่ทางใดก็ทางนึง แต่บ้านเรานี่สิ จะยังไง หลังจากข่าว 5G ที่ กสทช. พยายามผลักดันให้ประมูลในเร็ววัน กับคลื่นความถี่ 700Mhz ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าบรรดาโอเปอเรเตอร์จะยอมเข้าประมูลกันแล้ว ด้วยเงื่อนไขต่างๆ  เช่นการผ่อนปรนการชำระค่าคลื่นความถี่ 4G ของการประมูลครั้งก่อน หลังจากที่ ทุกค่ายเคยออกมาบอกว่ายังไม่ชัดเจน เนื่องจากยังไม่มีเคสที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ยังคงเป็นต้นแบบและเคสสตัสดี้ ก็ยังน้อยอยู่มาก ดังนั้นถึงประมูลมาได้ คลื่นก็อาจจะค้างเติ่งอยู่ หรือไม่ก็อาจจะมีเปิดการทดลองได้ แต่ก็คงไม่แพร่หลาย เอาแค่ 4G ตอนนี้ปรับปรุงให้พอกับการใช้งานก่อนดีกว่า ปัจจุบันก็ยังมีช่วงเน็ตเวิร์กเต็มอยู่กันทุกค่

   ปัจจุบันเรื่อง Smartphone มีการพัฒนามาเยอะแล้วนะครับ นั่นสิ ใครเป็นออริจินอลกันแน่? จนถึงปัจจุบันมี หัวข้อใหญ่ที่ยังอยู่ในความสนใจของกระแสโลก ก็คือ Huawei และสหรัฐอเมริกา จนมีหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์นึงที่น่าสนใจก็คือ จีนนักก๊อป หรือใครว่าไม่จริง? แล้วอเมริกาไม่เคยก๊อปใครเลย? ก็ไม่ใช่ แล้วใครเลวกว่าใคร? ประเด็นแตกออกไปหลากหลายแง่มุมมาก แต่ถ้าหากเป็นเรื่องก๊อปปี้ อย่างที่เห็นที่ผ่านมา เรามักจะเห็นคำว่า ก๊อปปี้แล้วพัฒนาต่อ จริงๆ ไม่ใช่แต่วงการ Smartphone ทุกวงการก็เป็นทั้งนั้น กลับมาที่การก๊อปปี้ มักจะนำไปสื่อความหมายในด้านลบ ซึ่งการก๊อปปี้ก็คือการทำซ้ำนั่นล่ะครับ ก๊อปไปใช้ส่วนตัวก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ในด้านธุรกิจแล้ว ถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้คิดค้น แต่ถามว่าผู้คิดค้นจะไม่ได้ก๊อปปี้ไอเดียใครมาเพื่อตั้งต้นเลยใช่ไหม? เริ่มมาจากศูนย์เลยหรือเปล่า? เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่

    จริงๆ ต้องบอกว่าเป็นประเด็นต่อเนื่องที่ยังไม่จบง่ายๆ ที่ฟังจากอาจาร์ยท่านนึงได้ให้ความเห็นไว้คือมันเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ไม่ใช่แค่ด้าน smartphone อย่างเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง กระทบกันไปเป็นทอดๆ อย่างตามข่าวที่ผ่านมานั่นล่ะครับ แน่นอน เลยว่าจะมีการตอบโต้กันไปมา จนกว่าจะหาทางลงตัวได้ ไม่ทางใดก็ทางนึง ซึ่งจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นประเทศจีนกับอเมริกา ที่ตอนนี้จีนกำลังจะเดินก้าวขึ้นนำหน้า เพื่อกุมอนาคตของโลกนี้เลยก็ว่าได้ เพราะอย่างช่วงที่ผ่านมาก็เห็นชัดเจนว่าใครครองการสื่อสารได้ ไม่ว่าจะเป็น 1G 2G 3G 4G จะกี่ G ที่ผ่านมา

วันสุข วันศุกร์ เพราะว่าเป็นวันสุดท้ายของการทำงานก่อนจะหยุดยาวกันใช่ไหมล่ะครับ วันนี้มีเรื่องเล่าสั้นๆ คือเนื่องจากผมเองนี่ล่ะที่เจอเคส แล้วก็โพสต์เคสทิ้งไว้ในเฟสว่า เน็ตช้า เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ก็ประมาณว่าบ่นว่าผู้ให้บริการอาจจะมีการตั้งค่าอะไรหรือไม่ เพราะจากการใช้งานแพ็กเกจ 300/100 แต่เทสออกมาได้ 18/2 โดยประมาณ ซึ่งมันแปลกมากๆ พยายามหาสาเหตุ อยู่หลายวัน ก็ไม่หาย ก็ไล่ไปตั้งแต่ตัวอุปกรณ์ ปกติก็ต่อ LAN ตรงเข้า Router แต่พอดีในบ้านมีพวกอุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่ออยู่มาก มี Smarthome อยู่หลายสิบชิ้น แต่เอาจริงๆ ก็ไม่น่ากินความเร็วสักเท่าไหร่

      งานนี้คงมีผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับ Huawei ถึงแม้ว่าจะมีข่าวว่าสหรัฐอาจจะยอมเจรจา แต่จากข่าวช่วงที่ผ่านมา ก็ยังดูทรงแล้วจะยังเป็นด้านลบซะมากกว่า เริ่มมีกระแสความไม่มั่นใจสำหรับผู้ใช้งาน Huawei ไม่น้อยเหมือนกัน แม้ Huawei จะออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าจะดูแลและให้บริการอย่างดีที่สุดต่อไป กระแสนี้ ผู้นำตลาดอย่าง Samsung คงต้องคว้าโอกาสเอาไว้ให้มั่น เพราะไม่ได้มีบ่อยๆ ล่าสุด Samsung สิงคโปร์ ก็ออกโปรโมชั่น เทรดอิน เอาเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ ได้ ให้ราคามากสุดทุดประมาณ 24,xxx บาท สำหรับ Mate 20 Pro ผมว่าถือว่าราคาดีนะ แต่ถ้าเทียบกับ Samsung ด้วยกัน

  เชื่อว่าเป็นข่าวใหญ่ และคนที่เพิ่งซื้อเครื่องรรุ่นใหม่จาก Huawei ไปอาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างเช่น Huawei P30 Series เพราะงานนี้ Google ตัดเรื่อง OS Support ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะไม่มีการอัปเดท security patch และ OS ใหม่ๆ นั่นหมายถึงการผลักดันของ Hauwei สะดุดขึ้นมาทันที เพราะตั้งเป้าว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ให้ได้ ซึ่งมีความชัดเจนมากว่าถูกเตะตัดขามาโดยตลอด รวมถึงเคสล่าสุดที่คงไม่ใช่มาตรการสุดท้าย ที่มีอย่างแน่นอน Google อาจจะได้รับผลกระทบในวงกว้าง และเกิดขึ้นแล้ว เชื่อว่ายังมีบริการอื่นๆ ที่บริษัทอยู่ในอเมริกาก็อาจจะเล่นกับเขาด้วยเหมือนกัน งานนี้ต้องรอดูหลังจากนี้ว่า จะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน

ผมชอบตามเรื่องผลประกอบการของโอเปอเรเตอร์ มักจะมีข้อมูลดีๆ ให้น่าติดตามและ น่าสนใจเสมอ เจอข้อมูล฿ลนึงในเมืองนอกที่น่าแปลกใจว่า MVNO ที่ต่างประเทศมีการแข่งขันกันและบางประเทศประสบความสำเร็จในระดับนึงเลย เป็นทางเลือกให้คนใช้งาน แต่ในไทยก็อย่าสงที่เห็นกันครับ ไม่รอด ตอนนี้ก็เหมือนกับว่า My By CAT น่าจะกลายเป็นตัวเลือกต้นๆ สำหรับแพ็กเกจแบบไม่อั้น ที่ตอนนี้ทุกค่ายทยอยปิด

วันนี้เรามาตามต่อประเด็นเรื่อง Samsung Galaxy S10 5G ระเบิดกันหน่อยละกัน น่าจะมีข้อสังเกตุและประเด็นต่างๆ สักนิด งานนี้ Samsung ก็คงงง เพราะเชื่อมือได้ว่า ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ที่มันเกิดขึ้นจากการผลิตและออกแบบได้หมดไปแล้ว เรียกว่า 100% ก็ว่าได้ เพราะ Samsung เองก็ออกมาแถลงอย่างชัดเจน และให้ความมั่นใจในกระบวนการต่างๆ จนกระทั่งซีรีส์ Note ออกมาได้สองรุ่นแล้ว ก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ และหลังจาก Note 7 ก็ไม่มีปัญหาใดๆ เช่นกัน

จริงๆ นึกไม่ออกนะว่าจะเขียนอะไร รู้สึกว่าไม่มีประเด็นอะไรน่าสนใจ นอกจาก Apple ที่มีกระแสข่าวรุ่นใหม่ที่จะอัปเกรดสเปคแต่หน้าตาเดิม และอัปเกรดกล้องเพื่อให้ทันสมัย และฟัดแบ็คลบอีกเช่นเคย อย่างกล้อง 3 ตัว ที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่นใหญ่ ดีไซน์มันอาจจะไม่โดน ดูบาลานซ์เครื่องแล้วหนักไปทางด้านนึงมากไป เหมือนโดนบังคับกลายๆ

    ช่วงนี้เหมือน Huawei จะโดนกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล เรื่องประเด็นต่างๆ ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ตอนช่วงเครื่องเรือธงออกมาใหม่ๆ ทุกครั้งก็จะมีประเด็นตลอด อย่างล่าสุดคือรายงานว่า Huawei มีการเก็บข้อมูลส่งกลับไปที่จีน แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นความเข้าใจผิดของคนที่พบเคสนี้ ซึ่งก็คงไม่ทันแล้วก็คงโดนเข้าใจผิดกันไปทั่วหน้า แม้ว่าจะมีข่าวออกมาอัปเดททีหลัง ซึ่งจริงๆ ต่างจากเคสกันน้ำ ที่มีการเรียกร้องออกมาให้รับผิดชอบ ตามความเห็นผมคือ เคสที่ขึ้นอยู่กับการใช้งานอย่างกันน้ำนี่ มันก็ระบุและพิสูจน์ทราบชัดเจนยากมาก ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ มักจะมีข้อกำหนดเพื่อป้องกันเรื่องนี้อยู่แล้ว ผู้ใช้งานอย่างเรามักจะไม่มีข้อมูลและหลักฐานอ้างอิงพอที่จะนำไปดำเนินการทางกฎหมายได้ ก็ได้แต่เรียกร้องตามการใช้งานที่ เรายืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้ใช้งานผิดประเภทแน่นอน ก็คงจะมีบ้าง แต่คงเป็นส่วนน้อยที่จะทริกกี้ หวังเคลมกับแบรนด์ แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ใช้งานทั่วไปนี่ล่ะ แล้วเกิดเหตุ  กลับมาที่เคสของการส่งข้อมูลกลับไปที่ server ในจีนกันดีกว่า